นายธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บจ.กสิกร ไลน์ หรือ “LINE BK” เปิดเผยว่า จากเป้าหมายของบริษัท ที่เน้นสร้างการเข้าถึงสถาบันการเงิน และแหล่งเงิน ได้สะดวก ภายใต้คอนเซ็ปท์ “เรื่องเงิน เรื่องง่าย ใน LINE BK” สิ่งที่ทำให้ “LINE BK” สามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็วคือฐานผู้ใช้บริการไลน์ ที่มีอยู่เกือบ 50 ล้านคน คือ การนำบิ๊กดาตาที่มีมาวิเคราะห์ และสร้างโปรดักส์ที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าอย่างเข้าใจ ว่าเขาต้องการบริการทางด้านกเงินแบบไหน และต้องการเมื่อไร โดยเฉพาะการขยายกลุ่มเป้าหมายสินเชื่อไปยังคนกลุ่มใหม่ ฐานข้อมูลสำคัญที่ “LINE BK” ใช้ในการประเมินความเสี่ยงของลูกค้าคือ ข้อมูลจากโซเชี่ยลมีเดีย
"คนตัวเล็กที่เข้าไม่ถึงการเงิน เพราะแบงก์ส่วนใหญ่จะไปดูที่ ความเสี่ยงในการคืนเงินของเขามีแค่ไหน เขามีความสามารถในการคืนเงินอย่างไร แต่พอลูกค้าไม่ได้มีประวัติการเงิน ไม่เคยมีประวัติสินเชื่อ สถาบันการเงินก็จะประเมินยาก ก็ไม่ปล่อยสินเชื่อ แต่สำหรับ LINE BK โลกวันนี้เป็นโลกของข้อมูล เราก็ไปดึงข้อมูลอื่น เราดูพฤติกรรม เราดึงข้อมูลในโลกโซเชี่ยลมาประมวลผล ซึ่งอาจไม่ได้เกี่ยวกับการเงิน แต่หลายอย่างบอกนิสัยได้ ทำให้ประเมินความเสี่ยงได้ เช่น คนที่ตอบสนองเร็ว ตอบแชทเร็ว อันนี้ก้อปล่อยสินเชื่อได้ หรือคนที่ใช้โปรแกรม Excel เยอะๆ อาจมีความเสี่ยงสูง เป็นต้น" นายธนากล่าว
อย่างไรก็ตาม การให้บริการโซเชี่ยลแบงค์กิ้งอย่างเช่น LINE BK การแข่งขันในธุรกิจนี้ ไม่ต่างจากสถาบันการเงินทั่วไป หากมีคนเข้ามาใช้บริการเยอะ ก็ยิ่ิงดี และยิ่มีฐานข้อมูลมาก ก็จะยิ่งมีความเข้าใจลูกค้ามากขึ้น ทำให้สามารถสร้าางบริการที่ถูกใจ และตรงตามเวลาที่เขาต้องการได้ และอีกเรื่อง คือ การเข้าถึงลูกค้า สำหรับ LINE BK มีช่องทางการเข้าถึงผ่าน Line ทำให้สามารถใกล้ชิดลูกค้าได้ง่าย ดังนั้น เพียงแค่สร้างบริการให้ตอบโจทย์ สนองพฤติกรรมของลูกค้าได้อย่างเข้าใจ ก็จะได้รับการยอมรับที่ดี ซึ่งรูปแบบบริการของ LINE BK สามารถเป็นได้ทั้งโซเชี่ยลแบงค์กิ้ง ไลฟ์สไตล์แบงค์กิ้ง หรือแพลทฟอร์มแบงค์กิ้ง
สำหรับ LINE BK ขณะนี้มีบริการหลักๆ 2 อย่าง คือ หนึ่ง บัญชีเงินออม ที่สามารถใช้จ่ายง่าย โอนง่าย และสอง คือบริการสินเชื่อ ส่วนบริการใหม่ๆ จะมีการพัฒนาต่อเนื่อง จากฐานข้อมูลที่มีอยู่ และนำมาวิเคราะห์เพื่อสร้างโปรดักส์และบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้าใหม่มากที่สุด