ต้นปีที่ผ่านมาผมข้ามนํ้าผ่านทะเล ไปลองขับ “แอคคอร์ด โฉมใหม่” ที่แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ก่อนการเปิดตัวในไทยที่งานบางกอกมอเตอร์โชว์ 2019 เดือนมีนาคม จากนั้นวันที่ 16 พฤษภาคม ฮอนด้าเพิ่งแจ้งราคาและเปิดรับจองอย่างเป็นทางการ
ผมมีโอกาสได้สัมผัส แอคคอร์ด เจเนอเรชันที่ 10 อีกครั้ง คราวนี้ขึ้นเหนือไปจังหวัดเชียงใหม่ กับรุ่น 1.5 เทอร์โบ ที่เริ่มทยอยส่งมอบและมีรถให้ลองขับแล้ว ส่วนรุ่นไฮบริดต้องรอถึงเดือนกรกฎาคม ตามแผนการผลิตของโรงงานฮอนด้าที่ นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนคร ศรีอยุธยา
ส่วนยอดจองจนถึงวันนี้เห็นว่าได้เกือบ 3,000 คันแล้ว โดยครึ่งหนึ่งเป็นรุ่น 1.5 เทอร์โบ และอีกครึ่งหนึ่งเป็นขุมพลังลูกผสม
สำหรับ “แอคคอร์ด” ถือเป็นรถยนต์รุ่นธง (Flagship Model) ของฮอนด้า นั่นหมายถึงเป็นรถที่ใส่เทคโนโลยีที่ดีสุดและหวังยอดขาย
ในเมืองไทยคู่แข่งอย่าง “โตโยต้า คัมรี่ โฉมใหม่” ทำตลาดตั้งแต่ปีที่แล้ว มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 2.5 ลิตร และไฮบริด ซึ่งในรุ่นไฮบริด ที่ฮอนด้าเปิดตัวมาทีหลังตั้งใจทำราคาชนเต็มๆทั้ง 2 รุ่นย่อย คือ 1.639 และ 1.799 ล้านบาท เพราะเชื่อว่าในราคาเท่ากัน แอคคอร์ดให้ของเหนือกว่า ทั้งฟังก์ชันต่างๆ ระบบความปลอดภัย รวมถึงขุมพลังไฮบริด (ที่ใช้แบตเตอรี่ลิเทียมไอออน)
แต่เอาละครับตัวไฮบริดค่อยมาว่ากันทีหลัง ส่วนวันนี้ได้ลองรุ่น 1.5 เทอร์โบราคา 1.475 ล้านบาท ที่มีคำถามสงสัยว่า รถระดับ “ดี-เซ็กเมนต์”เมื่อวางเครื่องยนต์เล็กแค่นี้จะวิ่งไหวไหม
แอคคอร์ด โฉมใหม่ ปรับแนวคิดการออกแบบให้ดูสปอร์ตมากขึ้น สวนทางกับความคุ้นเคยเดิมๆ ว่ารถในกลุ่มนี้ต้องเน้นความหรูหราโอ่อ่า เป็นรถประจำตำแหน่ง หรือรถผู้บริหาร
ด้านมิติตัวถังเตี้ยลง 15 มม.ความยาวสั้นลง 36มม.แต่ความกว้างมากขึ้น 12 มม. ส่วนระยะฐานล้อเพิ่มขึ้น 55 มม. พร้อมนํ้าหนักตัวที่ลดลง 56กก.เมื่อเทียบกับโฉมเก่า
ผมมองว่าการออกแบบรถยนต์ยุคใหม่ ถ้าเป็นกลุ่มซีดานต้องคำนึงถึงหลักอากาศพลศาสตร์ให้มาก เพราะจะได้สอดคล้องกับเทคโนโลยีดาวน์ไซซิ่งเครื่องยนต์ พร้อมนำชุดเกียร์ดีๆมาช่วยส่งเสริมกัน เพื่อทำให้รถผ่านค่าไอเสียอันเข้มงวด(ที่ผ่านมารถในเซ็กเมนต์นี้แข่งกันหรูและทำตัวถังใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ)
สำหรับ แอคคอร์ด โฉมใหม่ รุ่น 1.5 เทอร์โบ ปล่อยไอเสียที่ 147 กรัม/กม. และเครื่องยนต์รองรับนํ้ามันแก๊สโซฮอล์ อี85 จึงเสียภาษีสรรพสามิตลดลงมาอีก 1 ขั้น เป็น 20% (ส่วนฮอนด้า ซีวิค ที่ใช้เครื่องยนต์บล็อกเดียวกันรองรับแค่ อี20) อัตรา บริโภคนํ้ามันตามอีโคสติกเกอร์ในโหมดเฉลี่ยแจ้งไว้ 16.39 กม./ลิตร
ถ้าเทียบประสิทธิภาพประสิทธิผล แอคคอร์ดเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ไดเร็กต์อินเจ็กชัน เทอร์โบ 190 แรงม้า กำลังมากกว่าตัวเดิมที่วางเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร และกินนํ้ามันน้อยกว่ารุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ส่วนการขับจริงจากตัวเมืองเชียงใหม่ วิ่งขึ้นไปแถวๆอำเภอดอยสะเก็ด ระยะทางไปกลับ 172 กม. พบว่าการตอบสนองของขุมพลังและเกียร์ CVT ทำได้น่าพอใจ
ด้วยเส้นทางคดเคี้ยว สลับขึ้นเนินลงเขา อัตราเร่งในความเร็วตํ่าอาจจะไม่ดุดันมาก แต่ถ้าลอยลมถึงความเร็วปลายไปแล้ว ตัวรถพุ่งเพลินเกินห้ามใจ ส่วนหนึ่งเพราะโครงสร้างตัวถังใหม่กว้างขึ้น แบนลง จุดศูนย์ถ่วงตํ่า พร้อมปรับช่วงล่างใหม่ (นั่งภายในห้องโดยสารแล้วดูจมๆ) ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ ส่งผลให้การทรงตัวของรถหนึบแน่น ตลอดจนการเซตพวงมาลัยให้ปรับนํ้าหนักและการบังคับเลี้ยวตามความเร็ว จึงมั่นใจในทุกสภาพการจราจร
บางช่วงในเส้นทางนี้ต้องแซงรถบรรทุกช้า ผมเติมนํ้าหนักคันเร่งลงไปมากหน่อย ก็เร่งผ่านไปได้แบบไม่ลุ้นเหนื่อย(ไปกัน 2 คนไม่มีสัมภาระ) หรือถ้ากดเลือกโหมดสปอร์ต รถจะปรับตำแหน่งเกียร์ลงมา พร้อมดีดรอบเครื่องยนต์สูงขึ้น เมื่อกระแทกคันเร่งแล้ว ตัวรถก็ทะยานรวดเร็วดังใจหมาย
แอคคอร์ด ใหม่ ยังมาพร้อมระบบ Active Noise Control เหมือนรุ่นที่แล้ว คือใช้ไมโครโฟนเล็กๆ 3 ตัวฝังไว้บนเพดานห้องโดยสาร คอยเก็บคลื่นเสียงรบกวนความถี่ตํ่าแล้วนำไปประมวลผล จากนั้นลำโพงจะส่งคลื่นเสียงความถี่ตรงกันข้ามมาหักล้างกัน หวังลดเสียงรบกวนเท่าที่จะทำได้ก่อนสะท้อนเข้าหูคนในห้องโดยสาร
ตลอดจนระบบ Active Sound Control แต่งเสียงเครื่องยนต์ให้สวยๆ หวังให้การขับขี่เร้าใจมากขึ้น ทว่าลองใช้งานจริงแล้วเสียงไม่ได้ดังกระหึ่มขนาดนั้น (ต้องตั้งใจฟังพอสมควรถึงจะสัมผัสความต่างได้)
ด้านอัตราบริโภคนํ้ามัน จากการขับในเส้นทางนี้ และใช้ความเร็วสูงพอสมควร มีจังหวะเร่งแซงบ่อย พร้อมซัดเต็มๆ ในทางตรงบนถนนโล่ง ในระยะทาง 84.4 กม. สุดท้ายเห็นตัวเลข 13.1 กม./ลิตร ดังนั้นใครขับทางไกลออกต่างจังหวัด(พื้นราบ) แบบไม่เข่นไม่รีบ ผมว่าได้อัตราบริโภคนํ้ามันเกิน 15 กม./ลิตร แบบสบายๆ
รวบรัดตัดความ...ตัวถังเตี้ยลงแต่กว้างขึ้นรถดูแบนๆ แต่พื้นที่ภายในห้องโดยสารยังกว้างขวาง ตำแหน่งเบาะหลังสามารถขยับแข้งขาได้สบาย แต่ก็ขาดฟังก์ชันที่อำนวยความสะดวกให้เจ้านายที่นั่งด้านหลังได้ประทับใจ ส่วนสมรรถนะการขับขี่ คล่อง แคล่ว หนึบแน่น เครื่องยนต์ใหม่ 1.5 ลิตร เทอร์โบ 190 แรงม้า ประกบเกียร์ CVT สู้งานขมีขมัน ตอบสนองดีเกินคาด แถมประหยัดนํ้ามัน ซึ่งใครที่ปรามาสว่า ตัวใหญ่แต่ขนาดขุมพลังเล็กนิดเดียว คงจะดูถูกกันเกินไป
โดย : กรกิต กสิคุณ
หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 39 ฉบับที่ 3,479 วันที่ 16 - 19 มิถุนายน พ.ศ. 2562