Ferrari SF90 Stradale ที่สุด เฟอร์รารี่ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด 40.9 ล้านบาท

29 พ.ค. 2563 | 10:35 น.

ถึงเมืองไทยแล้ว SF90 Stradale ซูเปอร์คาร์ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ของ เฟอร์รารี่ (นับเฉพาะโปรดักชันคาร์) พละกำลัง 1,000 แรงม้า จากขุมพลังปลั๊ก-อิน ไฮบริด เครื่องยนต์ วี8 และมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว

เฟอร์รารี่ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด ซูเปอร์คาร์ยึดเลย์เอ้าต์เครื่องยนต์วางกลางลำ ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้าหนึ่งตัว(ติดตั้งระหว่างชุดเกียร์)ขับเคลื่อนล้อหลัง และมีมอเตอร์ไฟฟ้าคู่หน้าขับเคลื่อนล้อหน้า ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งรถวิ่งในโหมด eDrive ได้ 25 กม. และทำความเร็วสูงสุดได้ 135 กม./ชม. จากแบตเตอรี่ 7.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง

ในส่วนมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ติดตั้ง ไว้ที่เพลาขับหน้าฝั่งละ 1 ตัว (ซ้าย-ขวา) ทำงานแยกอิสระจากกัน ให้กำลังรวม 220 แรงม้า ซึ่งในโหมด eDrive เครื่องยนต์จะไม่ติดและไม่ปล่อยมลพิษไอเสียเลย ที่สำคัญสามารถขับออกจากบ้านตอนเช้าๆ ได้เงียบๆแบบไม่มีใครรู้ หรือรบกวนเพื่อนบ้าน

เครื่องยนต์ วี8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 780 แรงม้า ที่ 7,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร ที่ 6,000 รอบต่อนาที มีมอเตอร์หนึ่งตัวขั้นกลางก่อนส่งกำลังลงสู่ล้อหลังด้วยเกียร์ดูอัลคลัตช์ 8 สปีด

อ่านข่าวย้อนหลังการเปิดตัวปีที่แล้ว ยุคใหม่ซูเปอร์คาร์"เฟอร์รารี่ ปลั๊ก-อินไฮบริด"

 

Ferrari SF90 Stradale

Ferrari SF90 Stradale ที่สุด เฟอร์รารี่ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด 40.9 ล้านบาท

Ferrari SF90 Stradale ทุบทุกสถิติของรถยนต์เฟอร์รารารี่ (โรดคาร์) ด้วยอัตราส่วนนํ้าหนักต่อกำลังที่ 1.57 กก./แรงม้า และ Downforce 390 กก.ที่ความเร็ว 250 กม./ชม. ขณะที่อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 2.5 วินาที และ 0-200 กม./ชม. 6.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 340 กม./ชม.

การบริหารจัดการนํ้าหนักที่เพิ่มขึ้น 270 กก. จากระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ได้รับการชดเชยด้วยกำลังที่มอเตอร์ไฟฟ้าผลิตได้ 220 แรงม้า (อัตราส่วน นํ้าหนัก/แรงม้า ของระบบไฮบริดอยู่ที่ 1.23 กก./แรงม้า)

แชสซีส์ได้รับการออกแบบใหม่ ใช้วัสดุและเทคโนโลยีที่หลากหลาย เพื่อรองรับขุมพลังไฮบริดและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ผลลัพธ์ที่ได้คือ แชสซีส์ของ Ferrari SF90 Stradale ทนต่อการบิดงอได้เพิ่มขึ้น 20% และแข็งแกร่งขึ้น 40% เมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มรุ่นเก่า

นอกจากนี้ เสียงรบกวนและแรงสั่นสะเทือน ยังได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นด้วยการใช้อัลลอยแบบใหม่ ที่เรียกว่า “อลูมิเนียมไร้เสียง” (Quiet Aluminium) ที่พื้นรถอีกด้วย

เฟอร์รารี่ ไฮบริด แบบเสียบปลั๊กรุ่นใหม่ เทคโนโลยีนี้จะทำงานร่วมกับการควบคุมที่หลากหลาย โดยมี 3 ส่วนหลักๆ ที่เกี่ยวข้อง คือ ระบบควบคุมไฟฟ้าแรงดันสูง (แบตเตอรี่, RAC-e, MGUK, Inverter), ระบบควบคุมเครื่องยนต์กับชุดเกียร์ และระบบควบคุมไดนามิกส์ของรถยนต์ (การยึดเกาะ, เบรค และ Torque Vectoring)

Ferrari SF90 Stradale ที่สุด เฟอร์รารี่ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด 40.9 ล้านบาท

Ferrari SF90 Stradale ที่สุด เฟอร์รารี่ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด 40.9 ล้านบาท

Ferrari SF90 Stradale ที่สุด เฟอร์รารี่ ปลั๊ก-อิน ไฮบริด 40.9 ล้านบาท

การรวมระบบควบคุมทั้ง 3 ส่วนนี้ เข้ากับการทำงานของระบบควบคุมเดิมที่มีอยู่แล้ว นำไปสู่การพัฒนาระบบ eSSC (electronics Side Slip Control) ขึ้นใหม่ จนได้นวัตกรรมระบบควบคุมการขับขี่ 3 รูปแบบ ซึ่งช่วยให้สามารถกระจายแรงบิดของเครื่องยนต์ไปยังล้อทั้งสี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ

1.Electric Traction Control (eTC): จัดการแรงบิดจากเครื่องยนต์และไฟฟ้า ให้กระจายไปยังแต่ละล้อให้เหมาะสมกับสภาพการขับขี่และการยึดเกาะถนน

2.Brake-by-wire control with ABS/EBD: แยกแรงที่เกิดจากการเบรคของระบบไฮดรอลิกส์ ออกจากแรงเบรคที่เกิดจากมอเตอร์ไฟฟ้า ช่วยให้ประสิทธิภาพของระบบเบรคดีขึ้น

3.Torque Vectoring: ทำงานที่เพลาหน้า โดยแบ่งถ่ายแรงบิดที่ได้จากมอเตอร์ไฟฟ้าในขณะที่รถกำลังเข้าโค้ง เพื่อให้รถมีประสิทธิภาพการยึดเกาะสูงสุดและช่วยให้ควบคุมรถได้ง่ายและมั่นใจขึ้น

สำหรับ เฟอร์รารี่ ไฮบริด แบบเสียบปลั๊กชาร์ไฟรุ่นนี้ บริษัท คาวาลลิโน มอเตอร์ จำกัด ตั้งราคาขายไว้ 40.9 ล้านบาท ผู้สนใจเข้าไปดูรถคันจริงได้ที่โชว์รูมถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แต่ต้องจองเวลาล่วงหน้า 

 

หน้า 15 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,579 วันที่ 31 พฤษภาคม - 3 มิถุนายน พ.ศ. 2563