ชื่อของเอ็ม เอ เอ็น (MAN) ถือเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์และให้บริการขนส่งที่ได้รับความไว้วางใจทั่วภูมิภาคยุโรป และ จากความสำเร็จดังกล่าวทำให้เอ็ม เอ เอ็น ตั้งเป้าหมายขยายการเติบโตไปทั่วโลก และเล็งเห็นถึงการเติบโตเป็นอย่างมากของวงการขนส่งเพื่อการพาณิชย์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะประเทศไทยที่พบว่าตลาดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและมีช่องทางในการทำตลาดที่น่าสนใจ ด้วยเหตุนี้เองจึงได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
นายจักรพงษ์ ศานติรัตน์ ผู้อำนวยการเอ็ม เอ เอ็น ทรัค แอนด์ บัส ประเทศไทย เปิดเผยว่า การดำเนินงานในประเทศไทย จะเป็นไปตามวิสัยทัศน์ “ซิมพลิฟายด์อิ้ง บิสซิเนส” (Simplifying Business) ที่ประกอบไปด้วย
1.การจัดจำหน่ายรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ที่มีความปลอดภัยตามมาตรฐานยุโรปและสอดคล้องกับการใช้งานของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม ได้แก่ รถหัวลาก (Truck Tractor) และรถบรรทุก (Rigid Truck) ซึ่งรถบรรทุกของเอ็ม เอ เอ็น จะได้รับการผลิตและนำเข้าทั้งหมดเป็น CBU 100% โดยตรงจากประเทศเยอรมนีด้วยราคาที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้
2.การสร้างความพร้อมทางด้านการให้บริการหลังการขาย ไม่ว่าจะเป็นมาตรฐานการรับประกันสินค้า ทั้งตัวรถ ระบบการขับเคลื่อน ความพร้อมด้านอะไหล่ทดแทน รวมทั้งช่างเทคนิคที่ผ่านการฝึกอบรมตามหลักสูตรมาตรฐานจากเอ็ม เอ เอ็น ตลอดจนสัญญาบริการครอบคลุมทุกรูปแบบการใช้งานเพื่อสร้างความมั่นใจและทำให้ธุรกิจของลูกค้าดำเนินได้อย่างประสบความสำเร็จราบรื่น
3.การขยายเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการที่ครอบคลุมเส้นทางการใช้งานของลูกค้าทั่วประเทศ ซึ่ง เอ็ม เอ เอ็น กำลังมองหาหุ้นส่วนทางธุรกิจที่จะมาเป็นผู้แทนจำหน่ายและศูนย์บริการ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเติบโตไปพร้อมกันให้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ เพื่อตอบโจทย์และตอบสนองความต้องการของธุรกิจลูกค้าตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายจักรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการทำตลาดในช่วงแรกนี้ ไฮไลท์จะเป็นรถบรรทุกหัวลาก MAN รุ่น TGS 6x4 แบบ 10 ล้อ แบบหัวเก๋ง แบบ L และแบบ LX หรือหลังคาสูง ทั้งหมด 3 รุ่นย่อยประกอบไปด้วย 1.TGS 6x4 360 แรงม้า 2.TGS 6x4 400 แรงม้า 3.TGS 6x4 440 แรงม้า ให้เลือกสรรตามวัตถุประสงค์การใช้งาน
โดยทุกคันมาพร้อมเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบเรียง ขนาด 10,518 ซีซี ขับเคลื่อนด้วยระบบลหัวฉีดแบบคอมมอนเรล พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์เทอร์โบชาร์จ ด้านระบบเกียร์เป็นแบบ 12 เกียร์เดินหน้า 2 เกียร์ ถอยหลัง ทำงานแบบกึ่งอัตโนมัติด้วยระบบการเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติแบบ TipMatic แบบ Smartshifting พร้อมกับระบบการตรวจบรรทุกน้ำหนัก (Load Detection) ของตัวรถที่จะช่วยทำการเลือกเกียร์ที่เหมาะสมในการออกตัวและในสถานการณ์ต่างๆ โดยคำนึงถึงน้ำหนักของตัวรถและน้ำหนักบรรทุก
ระบบเบรค MAN BrakeMatic เป็นระบบเบรคล้อแบบลมล้วนควบคุมด้วยอิเลคโทรนิคแบบดิสค์เบรคทั้งด้านหน้าและด้านหลังติดตั้งมาพร้อมกับระบบป้องกันล้อล็อคอัตโนมัติ (ABS) และระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (MAN EasyStart) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบรองรับน้ำหนักของตัวรถทั้งเพลาหน้าและเพลาหลังเป็นแบบแหนบ (Parabolic Leaf Spring) พร้อมกับโครง เพื่อให้การรองรับน้ำหนักและการทรงตัวเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะที่การบริการหลังการขายผลิตภัณฑ์มีการรับประกันคุณภาพของตัวรถทั้งคัน 12 เดือน โดยไม่จำกัดระยะทาง และรับประกันระบบขับเคลื่อน 24 เดือน โดยไม่จำกัดระยะทางพร้อมกันกับบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance 24 ชั่วโมง เป็นระยะเวลา 24 เดือนโดยไม่จำกัดระยะทาง ด้านอะไหล่มีการรับประกันคุณภาพของอะไหล่ 24 เดือน โดยไม่จำกัดระยะทาง
นายจักรพงษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันตลาดรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์ในประเทศไทยสามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ประกอบด้วย รถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์แบรนด์สัญชาติเอเชียมีสัดส่วนประมาณ 95% ตามมาด้วยกลุ่มรถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์แบรนด์สัญชาติยุโรป ประมาณ 5% ซึ่งเอ็ม เอ เอ็น ตั้งเป้าหมายเป็นแบรนด์รถบรรทุกเพื่อการพาณิชย์สัญชาติยุโรปที่มีการเติบโตเป็นอันดับหนึ่งของ
ประเทศไทยอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจแก่กลุ่มลูกค้าทั้งในปัจจุบันและในอนาคตให้ได้รับความพึงพอใจสูงสุด