นาย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "Roadmap ไทยขับเคลื่อนEV" ในงานสัมมนา"New Generation of Automotive" ที่จัดขึ้นโดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และบริษัท เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทย ว่า รัฐบาลมีมาตรการที่จะผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ที่ปัจจุบันไทยเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับที่ 11 ของโลก สามารถปรับตัวและคงไว้ซึ่งความสามารถในการแข่งขันได้ในระดับโลก
ดังนั้น จึงมีการสนับสนุนและส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้ามาต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี 2560 ที่เปิดให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนในโครงการรถยนต์ไฟฟ้า นอกจากนั้นแล้วในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้ตั้งคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ เพื่อเร่งขับเคลื่อนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ จักรยานยนต์ และรถบัสไฟฟ้า ลดปัญหา PM 2.5 ในระยะยาวพร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุนหวังเกิดผลในทางปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
โดยเบื้องต้นได้มีแผนออกเป็นระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว มีเป้าหมายคือรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 30 % หรือ 7.5 แสนคัน ในปี 2030
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกันแผนงานเร่งด่วนที่กำลังเตรียมผลักดันคือ โครงการรถเก่าแลกรถใหม่ โดยนำรถเก่าที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 15 ปี ขึ้นไป มาเปลี่ยนเป็นยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อเป็นการส่งเสริมมาตรการกระตุ้นการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า และเป็นการบริหารจัดการซากยานยนต์ ซึ่งความคืบหน้าในขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษารายละเอียดด้านต่างๆ
อย่างไรก็ตามในช่วงเริ่มแรกของโครงการรถเก่าแลกรถใหม่ จะให้ประชาชนนำรถเก่าที่อายุมากกว่า 15 ปี นำมาแลกสิทธิประโยชน์การหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อคัน ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับรถเก่าแลกรถใหม่จะต้องเป็นรถในกลุ่มพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดหรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อสรุป เพราะหากเป็นรถไฟฟ้าราคาอาจจะสูงเกินไป หรืออาจจะเป็นรถไฮบริด หรือ รถที่เป็นโปรดักส์แชมเปี้ยนของไทย ซึงตรงนี้ต้องดูรายละเอียดอย่างชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง
นายสุริยะ กล่าวเพิ่มเติมว่า กำลังเตรียมปรึกษาหารือกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการหักลดหย่อนภาษีบุคคลและนิติบุคคลสำหรับโครงการดังกล่าว โดยในเดือนกันยายนจะเริ่มประชุมและคาดว่าจะใช้เวลา 2-3 เดือน ถึงจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับมาตรการและเงื่อนไขรายละเอียดต่างๆแต่เบื้องต้นจะวางกรอบของโครงการนี้ให้เป็นมาตรการที่มีอายุประมาณ 5 ปี
"ตอนนี้เราอยากกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศให้ฟื้นคืน เพราะที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากโควิด -19 ดังนั้นจึงมีแนวคิดเรื่องรถเก่าแลกรถใหม่ ให้ประชาชนนำรถมาเข้าโครงการและรับส่วนลดภาษีไม่เกิน 1 แสนบาท แต่หากใครที่ไม่ได้เสียภาษีก็จะไม่ได้รับสิทธิในโครงการนี้ ซึ่งผลจากโครงการนี้นอกจากจะช่วยกระตุ้นยอดขายรถแล้ว ส่วนหนึ่งยังแก้ไขเรื่อง PM2.5 และซากรถ เพราะถือเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดมลพิษ "