รีวิว Toyota Corolla Cross GR Sport ที่ปรับปรุงสมรรถนะใหม่ ช่วงล่าง การควบคุมหนึบแน่นมากขึ้น พร้อมตกแต่งเพิ่มเติมความโดดเด่นรอบคัน มีให้เลือก 3 สีตัวถังคือ ขาว ดำ แดง กับราคาที่เพิ่ม 50,000 หมื่นบาท เมื่อเทียบกับตัวท็อปเดิม
Toyota Corolla Cross บี-เอสยูวีรุ่นขายดีที่สุดของเมืองไทยในปี 2564 โกยยอดไป 18,506 คัน (ขายเต็มปีเป็นปีแรก) โดยทิ้งห่างคู่แข่งกระจุยรวมถึงพี่น้องร่วมท้องเดียวกันอย่าง Toyota C-HR ที่ทำได้ 1,711 คัน
ทว่าการเปิดตัว Honda HR-V โฉมใหม่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งฮอนด้าหวังว่า 12 เดือนนับจากนี้ ต้องทวงตำแหน่งแชมป์กลับมาให้ได้ พร้อมควํ่าทั้ง บี-เอสยูวี กลุ่มล่างอย่าง MG ZS และกลุ่มบนที่มี Toyota Corolla Cross เป็นกระดูกชิ้นโต โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ 20,000 คัน
…สุดท้าย คงต้องมาลุ้นกันว่าเซกเมนต์ที่แข่งขันกันดุเดือด และตลาดขยายตัวจนเป็นเรดโอเชี่ยน นี้ ใครจะสมประสงค์ในปี 2565
เจ้าตลาดโตโยต้าปล่อยดาบ สองของ Toyota Corolla Cross ออกมาในช่วงปลายปีที่แล้ว กับ รุ่น GR Sport ส่วนหนึ่งอาจจะเปิดตัวมาดักทาง Hond HR-V และเป็นไปตามแผนเพิ่มไลน์อัพของตระกูล GR Sport ในรถยนต์ทุกรุ่นของโตโยต้า
ผมเพิ่งมีโอกาส รีวิว Toyota Corolla Cross GR Sport เป็นน้องใหม่ในตระกูลหลังจาก โตโยต้า เสริมเป็นรุ่นย่อยใหม่ในโคโรลล่า อัลติส, ฟอร์จูนเนอร์ และไฮลักซ์ รีโว่ มาก่อนหน้า พร้อมขยับราคาเพิ่มอีก 5 หมื่นบาทจากรุ่น HEV Premium Safety
Toyota Corolla Cross GR Sport ราคา 1.249 ล้านบาท ถือว่าราคาสูงที่สุดในกลุ่มบี-เอสยูวี แต่เงินที่จ่ายเพิ่ม 5 หมื่นบาท โตโยต้าก็เพิ่มเติมและปรับจูนให้ใหม่แบบเป็นเรื่องเป็นราวมากๆ โดยเฉพาะสมรรถนะการขับขี่ ที่ผมเคยบ่นตั้งแต่ทดสอบครั้งแรกๆ (กลางปี 2563) ว่า ยังไม่เท่าไหร่ โดยเฉพาะช่วงล่างและการควบคุม เมื่อเทียบกับรถที่พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกันอย่าง Toyota C-HR
ดังนั้น โตโยต้าเลยจัดให้เต็มที่กับ Toyota Corolla Cross GR Sport ที่แสดงให้เห็นว่า เซ็ตรถให้ดีก็ทำได้ แต่มันอยู่ที่ความต้องการตลาด และที่ผ่านมาก็สะท้อนเป็นยอดขายอย่างที่เห็น แต่เอาละ...ถ้าคุณอยากมีทางเลือกขับสนุก ฉัน (โตโยต้า) ก็ทำได้สบาย
Toyota Corolla Cross GR Sport ปรับจูนช่วงล่างใหม่ สเปกของโช้คอัพ และค่าสปริง ต่างจากรุ่นปกติ พร้อมเพิ่มเหล็กค้ำตัวถังด้านล่าง เช่นเดียวกับปรับซอร์ฟแวร์ของพวงมาลัยผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าใหม่
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ มีผลให้การควบคุมของรถกระชับมากขึ้น ทั้งการตอบสนองของพวงมาลัย และช่วงล่างที่หนึบแน่นกว่าเดิม แล้วอย่าลืมว่า แพลตฟอร์ม TNGA กับช่วงล่างหลังปีกนกสองชั้น เป็นพื้นฐานที่ดีในการส่งเสริมสมรรถนะการขับขี่ของรถอยู่แล้ว
ส่วนล้ออัลลอยและซีรีส์ยางเท่ากับรุ่น HEV Premium Safety แต่ลายของล้อถูกปัดแต่งให้เป็นสีทูโทน สอดรับกับแนวคิดของรูปลักษณ์ภายนอก ที่เป็นหลังคาสีดำ (ตัดกับตัวถัง ขาว, แดง) โคมไฟท้ายรมดำ พร้อมแปะโลโก้ GR Sport ในหลายๆ จุด
ภายในให้อารมณ์สอดคล้องกับภายนอก แต้มแต่งความพิเศษเพิ่มเติมในหลายจุด เช่น เบาะหนังมีแถบกลางสีเทา หมอนรองศีรษะมีปั๊มอักษร GR Sport และสัญลักษณ์นี้ ยังมีปรากฎตามปุ่มสตาร์ท/ดับเครื่องยนต์และพรมรองพื้นอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังอัพเกรดระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน Dynamic Radar Cruise Control ให้เป็นเวอร์ชัน All-Speed Range หรือลดความเร็วลงมาได้ถึง 0 กม./ชม. (กรณีหยุดนิ่งแป๊บเดียว แล้วรถคันหน้าเคลื่อนตัว Toyota Corolla Cross ของเราก็อาจจะเคลื่อนตามรถคันหน้าได้เลย ภายใต้ระยะห่างที่กำหนดค่าเอาไว้) ถือเป็น Active Safety ที่เพิ่มความอัจฉริยะมากขึ้นละครับ (กล้องหน้า กับเรดาห์)
ด้านสมรรถนะการขับขี่รวมๆ กับระบบไฮบริดเจเนอเรชันที่ 4 ของโตโยต้า ยังใช้งานได้สมเหตุสมผลในชีวิตจริง (แม้ใครจะบอกว่าเริ่มตกยุค หรือยังใช้แบตเตอรี่แบบนิเกิลเมทัลไฮดรายก็ตาม) ทั้งการปลดปล่อยพละกำลังที่มีมอเตอร์ไฟฟ้ามาช่วยผ่อน เบาภาระเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร
โดยสองขุมพลังนี้ ผสานการทำงานได้ราบรื่นต่อเนื่อง ทั้งจังหวะออกตัว และเร่งแซง ขณะที่อัตราบริโภคนํ้ามันก็เป็นมิตรกับตัวเลขระดับ 20 กม./ลิตร (การใช้งานโหมดเฉลี่ย) หรือวิ่งทางไกลความเร็วสูงยังเห็น 16 กม./ลิตร สบายๆ
รวบรัดตัดความ ...จากบี-เอสยูวี ตุ๋มติ๋มหน้า(บึ้ง)แปลกๆ มาสู่รุ่น GR Sport ที่เพิ่มเงินอีก 5 หมื่นบาท จากรุ่นท็อป HEV Premium Safety แต่ผมว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้รับ โดยเฉพาะสมรรถนะการขับขี่ที่หนึบแน่น เฉียบคมมากขึ้น
รีวิว Toyota Corolla Cross GR Sport : กรกิต กสิคุณ