ประธานมาสด้ายืนยันรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในไทย Mazda 2 ไฮบริด

23 มิ.ย. 2565 | 04:17 น.
อัปเดตล่าสุด :23 มิ.ย. 2565 | 11:29 น.

ประธานใหม่มาสด้า ยืนยันรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่เตรียมทำตลาดในไทยคือ Mazda 2 ไฮบริด ส่วน EV ยังไม่อยู่ในแผนงานระยะสั้น

ประธาน มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย คนใหม่ “ทาดาชิ มิอุระ” ฟิตจัด ลุยเดินสายเยี่ยมดีลเลอร์ทั่วประเทศ เน้นสร้างเครือข่ายผู้จำหน่ายให้แข็งแกร่ง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมตอบสนองความต้องการลูกค้าให้ดีขึ้น

 

ส่วนประเด็นการลงทุน และการทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ทั้งไฮบริด ปลั๊ก-อินไฮบริด และ EV ประธานมาสด้า ยืนยันว่า กำลังศึกษาทุกเทคโนโลยี เพียงแต่รอช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเปิดตัว โดยพิจารณาจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก

ประธานมาสด้ายืนยันรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในไทย Mazda 2 ไฮบริด

“จริงๆ เรามีรถปลั๊ก-อินไฮบริดทำตลาดอยู่ในหลายแพลตฟอร์ม (ขายในต่างประเทศ) แต่สำหรับเมืองไทยแล้วรถยนต์ไฟฟ้าประเภทที่เหมาะสมที่สุด และจะถูกแนะนำก่อนคือ Mazda 2 กับขุมพลังไฮบริด โดยเราจะเร่งนำเทคโนโลยีไฮบริดเข้ามาทำตลาดโดยเร็วที่สุด ซึ่งตอนนี้ยืนยันได้เพียงว่าจะมาก่อนปี 2569”

 

สำหรับ EV รถพลังงานไฟฟ้า 100% เป็นรถเทคโนโลยีล้ำสมัย (ต้นทุนการผลิตสูง) แต่กลับกลายเป็นว่าคนซื้ออยากได้สินค้าราคาถูก บวกกับตอนนี้มีการให้เงินสนับสนุนจากภาครัฐ ซึ่งมีเงื่อนไขเรื่องราคา และกำลังการผลิต จึงมองว่ายังขัดแย้งกับแผนการลงทุนของค่ายรถยนต์ที่สนใจเข้ามาลงทุน

 

“EV ของมาสด้า(ในไทย)จะมาหลังไฮบริด ส่วนหนึ่งเพราะต้องรอให้โครงสร้างพื้นฐานพร้อมก่อน ซึ่งนั่นจะทำให้เรามีเวลาศึกษา-พัฒนา รวมถึงรับรู้ความคิดเห็นของลูกค้า เกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของ EV ที่วางจำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน”

มาสด้าไม่ได้เป็นแบรนด์ใหญ่ จริงๆ เราเป็นเพียงแบรนด์เล็กๆ แบรนด์หนึ่ง ดังนั้นเราจึงมองหาโอกาสทางการแข่งขันในรูปแบบผู้เล่นรายเล็ก และเราสามารถยืนหยัดอยู่ในตลาดอย่างสง่างาม ด้วยเทคโนโลยีและการออกแบบที่มีเอกลักษณ์ ทำให้เราเป็นแบรนด์ที่ถูกเลือกโดยลูกค้าทั่วโลก ขณะเดียวกันมาสด้า ยังมีแฟนคลับอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเชื่อว่ารถยนต์ของเราจะสามารถแข่งขันกับคู่แข่งใหม่ๆ (จากจีน) ได้อย่างแน่นอน

ประธานมาสด้ายืนยันรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกในไทย Mazda 2 ไฮบริด

“เราเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเราก็ยินดีต่อการมาถึงของทุกแบรนด์ (น้องใหม่) เพราะยิ่งมีแบรนด์ที่หลากหลาย จะทำให้ลูกค้ามีทางเลือกที่ตรงกับความต้องการมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น แบรนด์ใหม่ที่เปิดตัวเข้าสู่ตลาดก็เป็นแรงกระตุ้นให้เราปรับตัว และพยายามพัฒนารถยนต์ของเราให้ดียิ่งขึ้นไปอีกขั้น”

 

นายมิอุระ ยังกล่าวถึงสถานการณ์ธุรกิจในปัจจุบันว่า ปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนเพื่อการผลิต ยังเป็นอุปสรรคสำคัญทำให้รถยนต์มาสด้าหลายรุ่นผลิตไม่ทันกับความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่ม CX Series ที่ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนทั้ง รุ่นประกอบในประเทศ (CX 3,CX 30) และรุ่นที่นำเข้าจากมาเลเซีย (CX 5, CX 8)

 

ขณะที่ราคาน้ำมันในช่วง 2-3 เดือนหลัง เพิ่มขึ้นมากกว่า 30% ทำให้ลูกค้าหันไปมองรถที่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น ดังจะเห็นได้จากลูกค้าที่เคยให้ความสนใจมาสด้า 3 แต่ช่วงนี้ตัดสินใจหันไปซื้อมาสด้า 2 แทน

 

ในส่วนยอดขายมาสด้าช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา (มกราคม - พฤษภาคม 2565) ทำได้ 16,918 คัน เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และมั่นใจว่าช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์จะกลับมาคลี่คลาย โดยมาสด้าตั้งเป้าหมายยอดขายปีนี้ 45,000 คัน จากตลาดรวมที่คาดว่าจะทำได้ 820,000 - 850,000 คัน