โตโยต้า อู้ฟู่จากค่าเงินบาทอ่อน 36 บาทต่อดอลลาร์ และสามารถส่งออกรถยนต์โตโยต้าในครึ่งปีแรกได้กว่า 1.79 แสนคัน เพิ่มขึ้น 24.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว พร้อมประกาศปรับเป้าหมายการผลิตในปีนี้เพิ่มจากแผนเดิม 6.47 แสนคัน เป็น 6.59 แสนคัน
ตลาดรถยนต์ไทยครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย. 65) ทุกยี่ห้อทำยอดขายรวมกว่า 4.27 แสนคัน เพิ่มขึ้น 14.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยพี่ใหญ่โตโยต้า กลับมาร้อนแรงสุดๆ ด้วยยอดขายรวม 142,032 คัน โต 21.2%
นอกจากยอดขายในประเทศที่สถานการณ์สดใสแล้ว โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ยังมีผลประกอบการที่ดีจาก ส่วนหนึ่งเพราะค่าเงินบาทที่อ่อนอยู่ในระดับ 36 บาทต่อดอลลาร์ และด้วยการวางรากฐานผู้ผลิตชิ้นส่วนที่แข็งแกร่ง (ไม่เพิ่งพาการนำเข้าชิ้นส่วนจากประเทศที่มีความผันผวน และใช้ซัพพลายเออร์ในประเทศเป็นหลัก) ยิ่งทำให้กำไรต่อหน่วยของรถยนต์หนึ่งคันที่ส่งออกไปเพิ่มขึ้น
นั่นเท่ากับว่า โตโยต้า ที่ได้รับผลกระทบน้อยกว่าหลายค่ายจากการขาดแคลนชิ้นส่วนเพื่อการผลิต (เช่น นิสสัน, ฮอนด้า, เอ็มจี, เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่เพิ่งพาชิ้นส่วนจากจีน) สามารถเดินกำลังผลิตจาก 3 โรงงานในไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลถึงการรักษายอดขายในประเทศ และการส่งออกโตโยต้า จนทำกำไรได้เป็นกอบ เป็นกำจากค่าเงินบาทอ่อน
โดยยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จ รูปของโตโยต้า 6 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวน 179,730 คัน เพิ่มขึ้น 24.4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
นายโนริอากิ ยามาชิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า เป้าหมายการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปของโตโยต้าในปีนี้ คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 380,000 คัน เพิ่มขึ้น 29.8% เมื่อเทียบกับปี 2564 จากสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่ดีขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากความต้องการของลูกค้าในต่างประเทศซึ่งมีแนวโน้มเติบโตดีขึ้น
ส่งผลให้ปริมาณการผลิตรถยนต์ของโตโยต้าในปี 2565 มีแนวโน้มดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยอยู่ที่ระดับ 659,400 คัน หรือเพิ่มขึ้น 28.3% จากปีที่แล้ว (ช่วงต้นปี นายยามาชิตะ แถลงข่าวว่า ปีนี้จะผลิตรถยนต์ 647,000 คัน) ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการขายของทั้งในประเทศและส่งออก
“จากมาตรการผ่อนคลายและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับไปในทิศทางที่ดีขึ้น และจะส่งผลบวกต่อทิศทางของตลาด จึงเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง จะสามารถฟื้นตัว ไปในทิศทางที่ดีขึ้น ดังนั้นเราจึงคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์รวม (ทุกยี่ห้อ) ปี 2565 จะอยู่ที่ 880,000 คัน เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
สำหรับโตโยต้า มีเป้าหมายการขายในประเทศ 290,000 คัน (แผนเดิมคาดว่าจะขาย 284,000 คัน) เพิ่มขึ้น 21% จากปี 2564 คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 33%
ส่วนของภาพรวม โดยนายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) รายงานว่า ยอดผลิตรถยนต์ของไทยในเดือนมกราคม-มิถุนายน 2565 มีจำนวนทั้งสิ้น 870,109 คัน เพิ่มขึ้น 3.02% เมื่อเทียบกับช่วงเดียว กันของปีที่แล้ว
ในจำนวนนี้เป็นการผลิตเพื่อส่งออก 442,578 คัน (51% ของยอดการผลิตทั้งหมด) ซึ่งลดลง 8.98% ขณะเดียวกัน หากรวมมูลค่าการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป เครื่องยนต์ ชิ้นส่วนอื่นๆ อะไหล่รถยนต์ รถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วน และอะไหล่รถจักรยานยนต์ ทั้งสิ้น 442,027.29 ล้านบาท ลดลง 1.31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564
ข้อมูลเพิ่มเติม โตโยต้า