2 เจเนอเรชันที่ผ่านมา BMW X1 มียอดขายรวมทั่วโลก 2.7 ล้านคัน (ค.ศ.2009-2022) แสดงถึงความสำคัญในเชิงธุรกิจของเอสยูวีระดับ Entry Level ต่อบีเอ็มดับเบิลยูได้เป็นอย่างดี
โดยโฉมใหม่เจเนอเรชันที่ 3 All new BMW X1 รหัสตัวถัง U11 เปิดตัวและเริ่มทำตลาดในยุโรปตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป ส่วนเมืองไทยต้องรอปีหน้า 2023 ช่วงปลายไตรมาสแรกหรืออย่างช้าไม่เกินครึ่งปีแรกครับ
All new BMW X1 เจริญรอยตามรุ่นพี่ X3 ในแง่ความหลากหลายของขุมพลัง ซึ่งมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน ดีเซล และรุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด รวมถึง EV iX1 แน่นอนว่าเมืองไทยในช่วงแรกยังไม่มี X1 กลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าทำตลาด แต่ยังยึดโมเดล ICE เพียวๆ ไว้ก่อน (ยังไม่มีไมลด์ไฮบริดด้วย)
บีเอ็มดับเบิลยู คาดว่ายอดขายทั่วโลกของ All new BMW X1 2023 ยังมีสัดส่วนของโมเดล ICE ถึง 57% แล้วถ้าแยกให้เห็นภาพชัดเจนคือยอดขายทั้งหมด แบ่งเป็นรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 41% และ EV 31% ปลั๊ก-อินไฮบริด 12% ที่เหลือเป็นดีเซล 16% (แต่การคาดการณ์โมเดลมิกซ์นี้ ไม่นับรวมตลาดจีน)
ผมมีโอกาสไปลองขับ รีวิว All new BMW X1 ถึงประเทศเยอรมนี และไฮไลต์คือไปตั้งหลักการทดสอบถึงโรงงานผลิตเอสยูวีรุ่นนี้ที่เมืองเรเกนส์บวร์ก ที่ต้องขึ้นเหนือไปจากฐานบัญชาการใหญ่ที่มิวนิกอีกร้อยกว่ากิโลเมตร
สำหรับโรงงานผลิตรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู เรเกนส์บวร์ก เปิดสายการผลิตมา 36 ปีแล้วครับ ปัจจุบันรับหน้าที่ผลิตรถเล็กอย่าง X1 X2 และ 1 Series 2 Series ซึ่งความภูมิใจล่าสุดของเขาคือการได้ประกอบ EV รุ่นแรกคือ iX1
ตามแผนงานของ บีเอ็มดับเบิลยู เอจี เขาประกาศชัดเจนนะครับว่า ทุกโรงงานผลิตทั่วโลกที่มี 31 แห่ง กระจายอยู่ใน 15 ประเทศ จะต้องพัฒนาสายการผลิต และเครือข่ายซัพพลายเชน ให้ประกอบ EV ได้ทุกโรงงาน ดังนั้น ถ้าเป็นไปตามนโยบายนี้ โรงงานบีเอ็ม ดับเบิลยู กรุ๊ป แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย จ.ระยอง ก็ต้องเตรียมการวาง แผนเพื่อผลิต EV เช่นกัน
เรื่องนี้ บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ด้วย ศักยภาพของโรงงาน จ.ระยอง และการลงทุนประกอบชุดแพกแบตเตอรี่ที่รองรับรถปลั๊ก-อินไฮบริดอยู่แล้ว จึงเชื่อว่าการขยับไปผลิต EV คงไม่ยากเกินความสามารถ เพียงแต่ EV รุ่นนั้นควรจะมียอดขายมากพอ มีตลาดในประเทศและส่งออกรองรับ เพื่อให้คุ้มค่าต่อการลงทุนผลิต
กลับมาที่การทดสอบ All new BMW X1 ถึงประเทศเยอรมนี ซึ่งผมมีโอกาสได้ลองขับตัว iX1 เช่นกัน แต่รีวิววันนี้ขอพูดในภาพรวมของการเปลี่ยน แปลงและสมรรถนะรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเป็นหลัก เนื่องจากเป็นรุ่นเครื่องยนต์ที่ขายดีในไทย โดยช่วงปลายโมเดลของ X1 ตัวปัจจุบัน การทำตลาดในไทยเหลือแต่รุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร sDrive 20d ราคา 2.359 ล้านบาท ส่วนรุ่นเครื่อง ยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.5 ลิตร ราคาตํ่ากว่า 2 ล้านบาท ยุติการขายไปสักระยะแล้ว
ขณะที่ All new BMW X1 รุ่น xDrive20d ที่ทำตลาดในยุโรปปรับปรุงเครื่องยนต์ใหม่ และเพิ่มระบบไมลด์ไฮบริด 48 โวลต์มาด้วย (เมืองไทยต้องลุ้นว่าจะมีไมลด์ไฮบริด พ่วงมาด้วยหรือเปล่า) ส่วนรุ่นที่ผมได้ลองขับคือ BMW X1 sDrive18d เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ไม่มีระบบไมลด์ไฮบริด ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,750 – 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 360 นิวตัน-เมตรที่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 8.9 วินาที
ถ้าเทียบสเปกกับโฉมเก่า BMW X1 sDrive18d ที่เคยมีรุ่นนี้ขายในไทย ตอนนั้นเป็นชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ส่วนแรงม้าเท่ากัน แต่แรงบิดในรุ่นใหม่เพิ่มขึ้น 30 นิวตัน-เมตร และอัตราเร่งก็ดีกว่า ส่วนตัวถังใหญ่ขึ้นทุกมิติ
ภายใน All new BMW X1 ดูสวยงามทันสมัยมากขึ้น โดดเด่นด้วยหน้าจอทรงโค้งยาวขนาด 20 นิ้ว แต่แบ่งออกเป็นสองโซน (ครึ่งๆ) คือ การแสดงผลหลังพวงมาลัย และจอควบคุมกลางแบบทัชสกรีน ทั้งยังเรียบหรูดูดีตั้งแต่แผงแดชบอร์ด ที่ลดปุ่มควบคุมต่างๆ ลงไล่มาตรงคอนโซนกลางมีปุ่มควบคุมไอไดร์ฟรองรับ BMW OS 8.0 และไม่มีคันเกียร์แบบจอยสติ๊กเหมือนเดิมแล้ว แต่ออกแบบเป็นปุ่มสั้นๆ ให้ขยับเลือกตำแหน่งเกียร์ ซึ่งตรงนี้เป็นการออกแบบยุคใหม่ของค่ายใบพัดสีฟ้า ที่เริ่มเห็นมาจากกลุ่ม EV เช่น iX i7 และจะตามมาในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่เตรียมเปิดตัวนับจากนี้
การลองขับ รีวิว BMW X1 sDrive18d โฉมใหม่ ที่เยอรมนี พบว่ารถมีความนุ่มนวลมากขึ้น การเก็บเสียงของเครื่องยนต์ดีเซลสะท้อนเข้ามาภายในห้องโดยสารลดลง อัตราเร่งดี มา แบบนวลๆ ตามเท้า (เหมือนเดิม) การขับขี่คล่องแคล่ว พวงมาลัยเซอร์โวทรอนิกส์นํ้าหนักหน่วงมือกำลังดี จังหวะเลี้ยว จังหวะคืนพวงมาลัยควบคุมได้สบาย ส่วนการนั่งเป็นผู้โดยสารด้านหลัง ไม่อึดอัด ระยะเฮดรูมเหลือเฟือ แต่ยังมีอุโมงค์กลางขวางเกะกะเท้าเหมือนเดิม
ด้านอัตราบริโภคนํ้ามันเฉลี่ย BMW X1 sDrive18d เคลมไว้ 17.8-20.4 กม./ลิตร (ตามมาตรฐาน WLTP ของยุโรป)
รวบรัดตัดความ...เอสยูวีรุ่นเล็กของบีเอ็มดับเบิลยู ยกระดับความหรูหรา อัพเกรดเทคโนโลยียานยนต์ใหม่ พร้อมขยับขยายตัวถังให้ใหญ่ขึ้น ตอบสนองการใช้งานได้อเนกประสงค์ และความสะดวกสบาย จนให้อารมณ์ขึ้นไปใกล้เคียงรุ่นพี่ X3 ได้อย่างน่าสนใจ ส่วนสมรรถนะการขับขี่จากรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ยังเชื่อขนมกินได้ ทั้งอัตราเร่ง ความคล่องตัวในการใช้งาน โดยยังเป็นขุมพลังหลักที่ขายในไทย ขณะที่คู่แข่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลเอ มีเฉพาะเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งอารมณ์การขับขี่แตกต่างกันพอสมควร โดย All new BMW X1 2023 จะเปิดตัวในไทยไม่เกินกลางปีหน้าครับ
เรื่อง รีวิว BMW X1 2023 : กรกิต กสิคุณ
ภาพ : บีเอ็มดับเบิลยู