ย้อนไป 4 ปีก่อน บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว EV รุ่นแรกคือ เอสยูวี MG ZS EV จากนั้นตามด้วยรถสเตชันแวกอน MG EP และปีที่ผ่านมาเสริมทัพรถแฮตช์แบ็ก MG 4 ล่าสุดกับ MG ES (รุ่นไมเนอร์เชนจ์ของ MG EP) นั่นทำให้เอ็มจี มีทางเลือกรถยนต์ไฟฟ้ามากที่สุดในตลาด ทั้ง EV และประเภทไฮบริด,ปลั๊ก-อินไฮบริด
สำหรับปี 2566 เป็นการดำเนินธุรกิจครบ 10 ปีของเอ็มจีในประเทศไทย ด้วยแผนการสร้างแบรนด์อย่างมั่นคง พร้อมด้วยโปรดักต์คุณภาพที่เข้ามาตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย การยกระดับบริการหลังการขาย และ EV ECOSYSTEM ควบคู่กันไปอย่างแข็งแกร่ง เอ็มจีได้ประกาศเป้าหมายของการก้าวสู่ทศวรรษที่ 2 ด้วยการนำแบรนด์ขึ้นไปอยู่ 1 ใน 5 ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
นายพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เอ็มจี เตรียมสร้างความคึกคักให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ด้วยการเปิดตัวยนตรกรรมใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับตลาดรถยนต์เมืองไทย โดยภายในครึ่งปีแรกมีแผนเปิดตัวอย่างน้อย 2 รุ่น พร้อมเดินหน้าส่งมอบรถอย่างเต็มกำลัง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการขึ้นเป็นหนึ่งใน 5 แบรนด์รถยนต์ในไทย
จากจุดเริ่มต้นที่ เอ็มจี ได้จุดประกายให้ตลาด EV เกิดขึ้นในไทยเมื่อ 4 ปีก่อน จนปัจจุบันคนไทยได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าเอ็มจีแล้วกว่า 8,000 คัน และในปีนี้ เอ็มจียังคงเดินหน้านำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัย การันตีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล โดยมีแรงสนับสนุนจาก SAIC MOTOR CORPORATION พร้อมตั้งเป้าส่งมอบ EV เฉลี่ยเดือนละไม่น้อยกว่า 1,000 คัน
นอกจากเรื่องโปรดักต์ เอ็มจียังดูแลครอบคลุมไปถึงการบริการ ผ่านการสร้างมาตรฐานการบำรุงรักษา EV ให้ลูกค้ามั่นใจได้ในทุกศูนย์บริการ ขณะเดียวกันค่าบำรุงรักษาตามระยะทางของรถเอ็มจี EV ถือว่าถูกมาก หรือเฉลี่ย 100,000 กิโลเมตร มีค่าใช้จ่ายไม่ถึง 8,000 บาท
“เอ็มจียังเดินหน้าขยายระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ให้สามารถรองรับการขยายตัวของตลาด และอำนวยความสะดวกทุกพื้นที่ด้วยการเพิ่มเครือข่ายสถานี MG Super Charge เพื่อรองรับผู้ใช้บริการในทุกๆ 150 กิโลเมตรหรือน้อยกว่า ควบคู่กับการติดตั้งสถานีชาร์จในศูนย์บริการทั่วประเทศ โดยภายในสิ้นปีนี้จะมีจำนวนสถานีชาร์จไม่น้อยกว่า 200 แห่ง” นายพงษ์ศักดิ์ กล่าวสรุป