นับตั้งแต่แบรนด์เนต้า NETA เข้ามารุกตลาดประเทศไทยในปีที่ผ่านมา และสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 21% ปัจจุบันเนต้าส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า NETA V ไปแล้วกว่า 3,000 คัน อีกทั้งยังมียอดแบคออร์เดอร์ อีกจำนวน 4,000 คัน ที่คาดว่าจะทยอยส่งมอบให้กับลูกค้าภาย ในเดือนเมษายน-พฤษภาคมนี้
นอกจากแผนส่งมอบ NETA V ให้กับลูกค้าอย่างเร่งด่วนแล้ว ในส่วนของกลยุทธ์การตลาดในปี 2566 เตรียมเดินหน้าเต็มสูบ โดย นายเป่า จ้วงเฟย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้เผยว่า บริษัทมุ่งเน้นความสำคัญ 3 ด้านในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ได้แก่ การนำเสนอความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ การมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่ครอบคลุม และการมอบประสบการณ์การขับขี่ที่น่าประทับใจ
“บริษัทฯมีเป้าหมายให้ลูกค้าคนไทยได้เข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมไปถึงผลักดันส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้า และระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้สามารถเติบโตรุด หน้าทัดเทียมกับกับตลาดโลก”
ภายใต้กลยุทธ์หลัก 3 ด้าน เริ่มที่ผลิตภัณฑ์ในปีนี้ NETA V ยังคงเป็นโมเดลหลักในการทำตลาด และไตรมาส 3-4 จะนำเข้า Mini Commercial EV เข้ามาทดลองตลาดในไทย และในช่วงปลายปี-ต้นปี 67 โรงงานบางชันฯจะเริ่มผลิตรถในประเทศได้ ซึ่งเป้าหมายที่วางไว้ จะผลิตจำนวน 15,000 คันในปี 67
กลยุทธ์ต่อมา ช่องทาง การจำหน่าย ปัจจุบันเนต้า มีโชว์รูมและศูนย์บริการ 27 แห่ง ภายในสิ้นปี 66 จะเพิ่มเป็น 40-50 แห่งทั่วประเทศ ส่วนกลยุทธ์หลักข้อสุดท้าย การมอบประสบ การณ์การขับขี่ โดยเนต้าจะทำกิจกรรม CRM เข้าหาลูกค้ามากขึ้น ฟังเสียง-ความต้องการของลูกค้า รวมทั้งจัดกิจกรรมออฟไลน์-ออนไลน์ รุกหนักโรดโชว์
“เดิมเราเน้นการตลาดแบบออนไลน์ แต่ปีนี้จะมีออฟไลน์เพิ่มเข้ามา เพราะลูกค้าต่างจังหวัดยังไม่รู้จักเรา ซึ่งแนวทางการตลาดที่เราจะไป ก็มีทั้งการทำโรดโชว์ ไปตามห้าง ตลาดนัด งานประจำจังหวัด เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัส ได้ทดลองขับขี่แบรนด์เรา ซึ่งเป้าหมายของเรา อยากให้ลูกค้า ถ้าคิดถึงอีวีก็คิดถึงแบรนด์เนต้า”
นอกจากเพิ่มความถี่ของโรดโชว์ตามพื้นที่ต่างๆ ล่าสุดในงานอีเวนต์ใหญ่ประจำปี อย่างบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 44 หรือ มอเตอร์โชว์ 2023 เนต้า ก็ได้นำรถยนต์ไฟฟ้าหลายรุ่นมาจัดแสดง เริ่มตั้งแต่ NETA V (เนต้า วี) รถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ตกแต่งพิเศษและมีแผนนำเสนอสีใหม่ในโทนสีเขียว Moonlight Green ที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2566
อีกทั้งยังนำ NETA S รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในรูปแบบ Sporty Smart Coupé ที่ให้พละกำลังสูงสุด 462 แรงม้า รวมทั้ง NETA Kid รถยนต์พลังงานไฟฟ้าสำหรับเด็กที่ถอดแบบมาจาก NETA S และอีกหนึ่งรุ่นไฮไลต์ ที่เตรียมจะมาทำตลาดในไทยช่วงปลายปี Mini Commercial EV ต้นแบบรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็ก ที่เหมาะสำหรับการขนของหรือจัดส่งสินค้าในตรอก ซอย หรือบริเวณที่มีพื้นที่จำกัด โดยรถสามารถวิ่งได้ 120 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
นายเป่า จ้วงเฟย กล่าวว่า จากแผนการรุกแบบเต็มสูบในปีนี้ ทำให้เนต้าตั้งเป้าหมายยอดขายที่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่วางไว้ 10,000 คัน ก็ได้ปรับเพิ่มเป็น 15,000 คัน ขณะที่ทิศทางของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ ไทย มีแนวโน้มเติบโต โดยคาดว่าจะมียอดขายรวม 30,000-50,000 คัน