วอลโว่ เป็นค่ายรถยนต์ยุโรปรายแรกที่ประกาศขายรถพลังงานไฟฟ้า 100% EV ในประเทศไทยทั้งพอร์ต ภายในปี 2025 ซึ่งนับจากปีนี้เป็นต้นไป จะไม่นำเข้ารถปลั๊ก-อินไฮบริดรุ่นใหม่ๆ จากมาเลเซียมาทำตลาดอีกแล้ว (ตอนนี้ยังเหลือ V60 และ S90)
การแถลงทิศทางธุรกิจในช่วงต้นปีที่ผ่านมา วอลโว่รายงานว่า ยอดขายปี 2022 เพิ่มขึ้น 71% หรือประมาณ 3,300 คัน ในจำนวนนี้เป็นสัดส่วนของ EV 35% และปี 2023 ยังเตรียมเปิดตัว EV โมเดลใหม่อีก 2 รุ่น
สำหรับ EV 2 รุ่นใหม่ ในปีนี้คือ Volvo EX30 และ Volvo EX90 โดยรุ่นแรกเตรียมเปิดตัวในเดือนกันยายนนี้ ส่วนรุ่นหลังจะได้เห็นในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2023 ปลายเดือนพฤศจิกายน ที่คาดว่าราคาจะอยู่ในช่วง 4-5 ล้านบาท
Volvo EX30 เป็นรถสายพันธุ์ใหม่ที่มีขนาดเล็กกว่า XC40 และ C40 (CMA แพลตฟอร์ม) พัฒนาบนพื้นฐาน Sustainable Experience Architecture หรือ SEA แพลตฟอร์มของจีลี่ ที่จะนำมาใช้กับ EV ในเครือหลายรุ่น มีทั้งรุ่นมอเตอร์ตัวเดียว และรุ่นมอเตอร์คู่ขับเคลื่อนล้อหน้า-หลัง
เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของวอลโว่ ระบุสเปกของ EV รุ่นนี้ว่า ชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งวิ่งได้ระยะทาง 480 กม. อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ทำได้ 3.6 วินาที (มอเตอร์คู่ และแบตเตอรี่ลิเธียมไออน 69 kWh) คาดว่าราคาจะอยู่ในระดับ 2 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ก่อนการเปิดตัว EV น้องเล็ก วอลโว่เสริมรุ่นย่อยใหม่ของ XC40 - C40 Recharge Pure Electric กับรุ่นมอเตอร์ตัวเดียว ที่ราคาตํ่ากว่ารุ่นมอเตอร์คู่ 7 แสนบาท
โดย Volvo XC40 Recharge Pure Electric single motor ให้กำลัง 238 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 7.3 วินาที ระยะทางวิ่ง 565 กิโลเมตร/ชาร์จ ราคา 1.99 ล้านบาท
ส่วน Volvo C40 Recharge Pure Electric single motor ให้กำลัง 238 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 420 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 7.3 วินาที ระยะทางวิ่ง 590 กิโลเมตร/ชาร์จ ราคา 2.09 ล้านบาท
ทั้งนี้ รุ่นมอเตอร์เดี่ยว กำลังน้อยกว่ารุ่นมอเตอร์ 2 ตัวขับเคลื่อนสี่ล้อ และแบตเตอรี่ยังมีความจุน้อยกว่า (69 kWh กับ 78 kWh) แต่สามารถวิ่งได้ระยะทางไกลกว่าเฉลี่ย 60 กม.
นายคริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การนำเสนอรถไฟฟ้าแบบมอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลังในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความพยายามของวอลโว่เพื่อเดินหน้าเข้าสู่การเป็นบริษัทผู้จำหน่ายรถไฟฟ้าเท่านั้นในประเทศไทยภายในปี 2025
“ระยะทางและระยะเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่เป็นสิ่งที่ลูกค้าให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพื่อร่วมตอบสนองและสนับสนุนความต้องการของผู้บริโภคในการเปลี่ยนมาใช้รถพลังงานไฟฟ้า วอลโว่ จึงได้นำรถรุ่นดังกล่าวเข้ามาทำตลาดเพื่อเพิ่มตัวเลือกให้ผู้บริโภคสามารถเลือกรถที่ตรงต่อความต้องการได้มากยิ่งขึ้น” นายเวลส์ กล่าว