รถยนต์ไฟฟ้าต้องซื้อก่อน ต.ค.66 หวั่น "สิ้นสุด EV 3.0" ชวดเงินอุดหนุนรัฐบาล

24 ส.ค. 2566 | 00:40 น.
อัปเดตล่าสุด :24 ส.ค. 2566 | 01:03 น.

ค่ายรถแนะนำ ลูกค้าที่สนใจ EV นำเข้าจากจีน ควรตัดสินใจซื้อภายในเดือนตุลาคม 2566 ก่อน "สิ้นสุดเดดไลน์ EV 3.0" วันที่ 31 ธันวาคมนี้ ไม่เช่นนั้นมีโอกาสชวดเงินสนับสนุนจากรัฐบาล เพราะค่ายรถที่เข้าโครงการยังไม่ทันขึ้นสายการผลิตในประเทศชดเชย

ตลาด EV ปลายปีส่อแววป่วน หลังจากรถที่นำเข้ามาก่อนเพื่อรับสิทธิ์ประโยชน์จากรัฐบาล 70,000 บาท และ 150,000 บาท หมดอายุลง และต้องรอจนกว่าจะเริ่มผลิตในประเทศคืนด้วยสัดส่วน 1:1 ในปี 2567 ถึงจะได้เงินสนับสนุนอีกครั้ง ค่ายรถแนะลูกค้าควรซื้อรถยนต์ไฟฟ้าก่อนเดือนตุลาคม เพื่อให้ทันเส้นตาย "สิ้นสุด EV 3.0" จดทะเบียนภายใน 31 ธันวาคม 2566 ส่วนมาตรการ EV 3.5 ยังต้องรอรัฐบาลใหม่เคาะ

รถยนต์ไฟฟ้าต้องซื้อก่อน ต.ค.66 หวั่น \"สิ้นสุด EV 3.0\" ชวดเงินอุดหนุนรัฐบาล

แม้ตลาดรถพลังงานไฟฟ้า 100% EV ในปี 2566 มีโอกาสขายรวมกันเกิน 50,000 คัน จากแรงสนับสนุนของรัฐบาล พร้อมโปรดักต์ที่มีให้เลือกหลากหลาย แต่ช่วงปลายปีนี้อาจเกิดภาวะสุญญากาศ นั่นเพราะโครงการ EV 3.0 ที่ให้สิทธิ์นำเข้ารถมาขายก่อน และรับเงินสนับสนุน 70,000 บาท 150,000 บาทต่อคัน (ขึ้นอยู่กับสเปกแบตเตอรี่) พร้อมภาษีสรรพสามิตอัตราพิเศษ ซึ่ง EV 3.0 จะสิ้นสุดลงในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ (สำหรับรถนำเข้า และต้องจดทะเบียนได้ป้ายขาวให้เรียบร้อย) เว้นเสียแต่ค่ายรถนั้นๆ จะเริ่มขึ้นไลน์ผลิตในประเทศคืนทันที ตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 ในสัดส่วนนำเข้ามา 1 คัน ผลิตชดเชย 1 คัน

 

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากค่ายรถยนต์ที่เข้าโครงการรัฐบาลและเซ็น MOU ยอมรับกฎเกณฑ์ต่างๆ เช่น เอ็มจี บีวายดี เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตามแผนงานยังไม่สามารถผลิต EV ในไทยได้ทันในไตรมาสแรกของปี 2567 แน่นอน นั่นหมายถึงแผนการขายอาจจะสะดุดไปไม่ตํ่ากว่า 3 เดือน เว้นแต่รัฐบาลใหม่จะเข้ามาอนุมัติโครงการ EV 3.5 ให้ดำเนินการต่อเนื่อง โดยให้สิทธิ์ EV นำเข้ายังได้รับเงินสนับสนุนต่อ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เพียงแต่เงื่อนไขของนโยบายรถล็อตนี้จะเข้มข้นกว่าเดิม เช่น เงินสนับสนุนลดลง(อาจจะเหลือ 1 แสนบาท) และผลิตชดเชยในสัดส่วนเพิ่มขึ้น (อาจจะ 2 หรือ 3 เท่าจากจำนวนที่นำเข้า)

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดจดทะเบียน EV ที่เติบโต เป็นผลมาจากมาตรการสนับสนุนของภาครัฐฯ ที่ทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าถูกลง และคนเข้าถึงได้ง่าย ส่วนมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า EV 3.0 ที่กำลังจะหมด และมีการเสนอให้ต่อนโยบาย EV 3.5 โดยเงื่อนไขหรือหลักการที่บอร์ดอีวีได้นำเสนอไป อาทิ สนับสนุน 1 แสนบาท (เดิม 1.5 แสนบาท) การผลิตคืนที่ต้องเพิ่มขึ้น ยังต้องรอรัฐบาลใหม่ตัดสินใจว่าจะออกมาในรูปแบบไหน

รถยนต์ไฟฟ้าต้องซื้อก่อน ต.ค.66 หวั่น \"สิ้นสุด EV 3.0\" ชวดเงินอุดหนุนรัฐบาล

นายเป่า จ้วงเฟย ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมขึ้นไลน์ประกอบ Neta V ในไทย เดือนมีนาคม 2567 ดังนั้นจากรอยต่อของนโยบายภาครัฐ หากยังไม่มี EV 3.5 อาจจะทำให้บริษัทเสียโอกาสทางการขายไม่ตํ่ากว่า 3 เดือน หรือกระทบยอดขายเดือนละ 1,000 คัน

 

“7 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.- ก.ค. 66) เรามียอดขายกว่า 7,000 คัน แม้ว่าช่วงปลายปีนี้ อาจจะมีบางค่ายรถหยุดรับจอง EV แต่สำหรับ เนต้า ยังไม่สรุป เพราะจะกระทบกับดีลเลอร์ 20 ราย จำนวน 35 โชว์รูมของเรา ที่สำคัญต้องรอดูนโยบาย EV 3.5 ก่อนว่าจะเคาะต่อเนื่องหรือไม่”

 

ทั้งนี้บริษัทแม่ของ เนต้า ออโต้ ไทยแลนด์ คือ โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล ได้ว่าจ้าง บริษัท บางชันเยนเนอเรลเอเซมบลี จำกัด ของตระกูล จึงสงวนพรสุข ประกอบ EV พวงมาลัยขวาในไทย เพื่อทำตลาดในประเทศและส่งออกไปในอาเซียน

ด้านแหล่งข่าวในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เปิดเผยว่า กลุ่มค่ายรถจีน กังวลใจว่ามาตรการ EV 3.0 จะหมดสิ้นปีนี้ และกว่าค่ายรถจะดำเนินการตามกระบวน การต่างๆ จนครบและขอเบิกจ่ายอาจจะไม่ทันนั้น ตรงนี้ขอเสนอว่าอาจจะใช้โมเดลคล้ายกับรถยนต์คันแรก ที่ให้ยืดหยุ่นระยะเวลาออกไปจนถึงต้นปี 2567

รถยนต์ไฟฟ้าต้องซื้อก่อน ต.ค.66 หวั่น \"สิ้นสุด EV 3.0\" ชวดเงินอุดหนุนรัฐบาล

“ตอนนี้ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้ามีมากขึ้น และแต่ละประเทศต้องนำเข้ามาจากจีน ซึ่งต้องใช้เวลา ในส่วนของไทยเงื่อนไขที่จะได้รับการอุดหนุน คือต้องได้ป้ายขาว ดังนั้นกว่านำเข้ารถมา กว่าจะจบกระบวนการขาย ไหนจะไฟแนนซ์ ประกัน การจดทะเบียน มันต้องใช้เวลา ถ้ารัฐฯยืดหยุ่นได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี” แหล่งข่าวกล่าว

 

ขณะที่แหล่งข่าวจากผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์จีน เปิดเผยว่า จากกรณีที่กรมสรรพสามิตระบุว่า งบสนับสนุนอีวีจะหมดในเดือน กันยายน 2566 ประกอบกับนโยบายอีวี 3.0 จะสิ้นสุดในธันวาคม 2566 ขณะที่นโยบาย EV 3.5 ก็ยังไม่ชัดเจน เพราะต้องรอรัฐบาลใหม่

 

“กระแสข่าวออกมาก็สับสนเล็กน้อย เพราะถ้ายึดตามแผน คือนโยบาย EV 3.0 จะหมดสิ้นปี แต่ตอนนี้รัฐฯบอกงบหมดและนโยบายใหม่ EV 3.5 ก็ยังไม่ได้ต่อ ซึ่งตรงนี้เองถ้ารัฐฯแจ้งค่ายรถเกี่ยวกับงบต่างๆ ไม่เพียงพอ เราก็อาจจะชะลอการขายออกไปก่อน หรืออาจจะสื่อสารกับลูกค้าว่ากระบวน การต่างๆ มันต้องใช้เวลา โดยเฉพาะการจดทะเบียนที่ใช้เวลาเฉลี่ย 1-2 เดือน ดังนั้นหากลูกค้าจะซื้อรถที่ได้รับสิทธิส่วนลดตามมาตการสนับสนุน ก็อยากจะให้จบตั้งแต่เดือนตุลาคม” แหล่งข่าวกล่าว