วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2567) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ หรือบอร์ดอีวี (EV) ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน มีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงาน (ESS)
ทั้งนี้เพื่อดึงดูดให้ผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ ซึ่งเป็นการผลิต ต้นน้ำที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยผู้ลงทุนจะสามารถขอรับสิทธิประโยชน์และเงินสนับสนุนจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ภายใต้บีโอไอต่อไป
“แบตเตอรี่ถือเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมอีวี ปัจจุบันมีผู้ผลิตแบตเตอรี่ในระดับโมดูลและแพ็ค ในประเทศหลายราย แต่เรายังขาดต้นน้ำที่สำคัญ คือ การผลิตแบตเตอรี่ในระดับเซลล์ ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ใช้ เทคโนโลยีขั้นสูงและใช้เงินลงทุนสูง การออกมาตรการส่งเสริมในครั้งนี้ เพื่อดึงบริษัทชั้นนำของโลกเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยด้วย” นายนฤตม์ ระบุ
สำหรับเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับผู้ลงทุน ดังนี้
ทั้งนี้ได้กำหนดเวลายื่นข้อเสนอโครงการ ลงทุนภายในปี 2570 ทั้งนี้ คณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศฯ จะพิจารณากำหนดรายละเอียดของหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติต่อไป
สำหรับรายชื่อบริษัทเป้าหมายที่ทางบีโอไอ ต้องการดึงเข้ามาลงทุนผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ในประเทศนั้น จะเน้นไปที่บริษัทชั้นนำของโลก เช่น CATL, Gotion High-tech, SVOLT, BYD, CALB, Sunwoda และ EVE จากประเทศจีน Panasonic จากญี่ปุ่น และ Samsung, LG, SK จากเกาหลีใต้
ส่วนสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาขีดความสามารถทางการแข่งขัน กำหนดให้เอกชนต้องมีการลงทุนเพิ่มเติมจึงจะได้รับสิทธิเพิ่ม เสมือนการได้รับ Bonus โดยจะได้รับวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 200% และจำนวนปีเพิ่มตามสัดส่วนเงินลงทุน/ค่าใช้จ่ายต่อยอดขายรวมใน 3 ปีแรก
พร้อมกันนี้ในกรณีที่มีเงินลงทุน หรือค่าใช้จ่ายด้าน R&D มากกว่า 1% จะได้นับการยกเวินภาษีเงินได้นิติบุคคลไม่จำกัดวงเงิน และยังได้รับระยะเวลายกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุดถึง 13 ปี หากดำเนินการได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด