วินฟาสต์ รถเวียดนามบุกไทย ยั่งยืน หรือ จบไว

ในยุคที่รถยนต์ไฟฟ้าจีนระดมพลบุกไทย พร้อม ใจเปิดศึกกับแบรนด์ญี่ปุ่นที่เคยยึดหัวหาดอยู่เดิม ซึ่งการมาลงหลักปักฐานในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา สามารถแย่งทั้งยอดขายช่วงชิงเครือข่ายผู้จำหน่าย หรือเห็นปรากฏการณ์ดีลเลอร์ปลดป้ายเปลี่ยนโชว์รูมไปหลายราย ยังไม่รวมแผนทุ่มทุนดูดทรัพยากรบุคคลที่มีศักยภาพ พรากไป จากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ดั่งเดิม

นอกจากค่ายจีนที่กินดีหมีหัวใจเสือแล้ว ประเทศไทยยังเตรียมเปิดบ้านต้อนรับแบรนด์รถยนต์น้องใหม่จากเวียดนาม “วินฟาสต์” (VinFast) ที่ตอนนี้กำลังหว่านแหสรรหาดีลเลอร์ พร้อมเปิดตัวธุรกิจอย่างเป็นทางการ

วินฟาสต์ ก่อตั้งในปี พ.ศ.2560 เป็นธุรกิจรถยนต์ในเครือ วินกรุ๊ป (Vingroup) กลุ่มทุนใหญ่ที่สุดของเวียดนามที่ทำทั้ง อสังหาริมทรัพย์ โทรคมนาคม ค้าปลีก โรงพยาบาล โรงแรมฯ ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินรวม กว่า 1.2 แสนล้านบาท (ปี 2566)

ในไทย วินฟาสต์ เข้ามาตั้งบริษัทลูกตั้งแต่ปลายปีที่แล้วคือ บริษัท วินฟาสต์ ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 108,360,000 บาท และในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2024 ปลายเดือนมีนาคมนี้ เตรียมนำเข้ารถยนต์จากโรงงานเมืองไฮฟอง ประเทศเวียดนาม มาอวดโฉมหลายรุ่น

นาย วู ดัง เยน ฮัง (Vu Dang Yen Hang) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วินฟาสต์ ประเทศไทย เปิดเผยว่า การเปิดตัวแบรนด์ในประเทศไทย ถือเป็นก้าวสำคัญภายใต้กลยุทธ์การ ขยายธุรกิจสู่ทั่วโลกของวินฟาสต์ ซึ่งจะเสริมสร้างฐานธุรกิจในประเทศที่เป็นศูนย์กลางยานยนต์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

วินฟาสต์มุ่งมั่นที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็วในตลาดประเทศไทย และการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าครบทุกรุ่น ยังสะท้อนถึงบทบาทผู้นำของวินฟาสต์ในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของปฏิวัติการขนส่งสีเขียว ซึ่งจะนำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น

“ไทยคือตลาดรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากนโยบายสนับสนุนของรัฐบาลจากข้อมูลของสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย คาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปีนี้” นาย วู ดัง เยน ฮัง กล่าว

สำหรับงานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2024 วินฟาสต์เตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าครบทุกรุ่น ทั้ง VF 3 เอสยูวีขนาดเล็ก ตลอดจนรถยนต์นั่ง VF 5, VF e34, VF 6, VF 7, VF 8 และ VF 9 ครอบคลุมกลุ่มรถยนต์ตั้งแต่ A-SUV ถึง E-SUV รวมถึงรถกระบะไฟฟ้า VF Wild ที่เพิ่งอวดโฉมในงาน CES 2024 เดือนมกราคมที่ผ่านมา

ส่วนแผนขยายเครือข่ายผู้จำหน่าย ได้จีบดีลเลอร์ที่ขายรถในไทยอยู่เดิม ซึ่งมีหลายรายให้ความสนใจลงเรือสำเภาลำแรกกับวินฟาสต์ ด้วยนโยบายคือไม่ต้องลงทุนเยอะ และรถใหม่ที่เตรียมเปิดตัวราคาไม่สูงมาก เมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด ชวนเชื่อดีลเลอร์ว่าได้เก็บเงินสดแน่ๆ พร้อมการสนับสนุนในหลายๆ ด้านจากบริษัทแม่

ทั้งนี้ การตั้งไข่ธุรกิจในช่วงแรกของ “วินฟาสต์” ดูน่าสนใจ ด้วยเงินทุนมหาศาลจากบริษัทแม่ แต่การก้าวเข้ามาในยุคที่ตลาดรถยนต์ไทยแข่งขันกันอย่างดุเดือด จากจำนวนผู้เล่นมากราย ซึ่งจะมีที่ว่างเพียงพอให้แบรนด์น้องใหม่จากเวียดนามหรือไม่

คำตอบนี้อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตั้งราคาตํ่าเพียงอย่างเดียว หากต้องการดำเนินธุรกิจแบบยั่งยืน ซึ่งคุณภาพและสมรรถนะของโปรดักต์ บวกความน่าเชื่อถือของแบรนด์ (ที่ต้องใช้เวลา) ความเข้มแข็งของเครือข่ายผู้จำหน่าย น่าจะเป็นปัจจัยชี้วัดสำคัญว่า วินฟาสต์ จะรุ่งหรือ ต้องม้วนเสื่อกลับบ้าน