นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยว่า บีโอไอได้ดำเนินงานประสานงาน 7 ค่ายรถยนต์ชั้นนำของจีน ได้แก่ BYD, MG, Great Wall Motor, NETA, Changan, GAC Aion และ Omoda & Jaecoo
ทั้งนี้ เพื่อมาร่วมแสดงวิสัยทัศน์การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า หรือีวี (EV) รวมถึงแผนการจัดซื้อจัดหาชิ้นส่วนในประเทศ พร้อมยกระดับผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ Supply Chain ของโลกบนเวที “BOI Symposium: EV Supply Chain Edition”
“ปัจจุบันผู้ผลิตรถยนต์จากจีนที่ได้เริ่มผลิตอีวีในประเทศไทยแล้วมี 3 ราย ได้แก่ GWM, NETA และ MG ส่วน BYD และ GAC Aion มีแผนเริ่มผลิตในช่วงไตรมาส 3 – 4 ของปีนี้ และ Changan จะเริ่มผลิตในช่วงต้นปี 2568 ซึ่งจะทำให้ความต้องการใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศจะทยอยเพิ่มสูงขึ้น การเปิดเวทีครั้งนี้ จะเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศจะได้รับฟังทิศทางการพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าและแผนการจัดซื้อชิ้นส่วนโดยตรงจากผู้บริหารค่ายรถยนต์ สร้างโอกาสการเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างกัน และร่วมกันยกระดับ Supply Chain ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้เข้มแข็ง เป็นฐานการผลิตที่สำคัญของโลกในอนาคต”
อย่างไรก็ดี บีโอไอ ได้ให้สิทธิประโยชน์ครอบคลุมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าทุกเซกเมนต์ และชิ้นส่วนสำคัญต่าง ๆ ที่ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุด 17 ชิ้น รวมทั้งแบตเตอรี่ และสถานีชาร์จ โดยในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา มีการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย รวมเงินลงทุนกว่า 80,000 ล้านบาท มีโครงการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าใช้แบตเตอรี่ (BEV) 18 โครงการ เงินลงทุนประมาณ 40,000 ล้านบาท มีกำลังการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารวม 400,000 คัน
โดยแต่ละรายยืนยันในการใช้ไทยเป็นฐานผลิตหลักในอาเซียน และมองโอกาสที่จะใช้ชิ้นส่วนในประเทศสูงสุดถึง 90% เพื่อให้ไทยเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกในอนาคต
นายหม่า ไห่หยาง (Ma Haiyang) ผู้จัดการทั่วไปด้านธุรกิจระหว่างประเทศ บริษัท GAC AION New Energy Automobile หรือ GAC AION กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งพัฒนาห่วงโซ่การผลิตในประเทศไทยให้แข็งแกร่ง และต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ซึ่งจะมีการลงทุนในส่วนโรงงานผลิต
รวมทั้งจัดจำหน่ายในไทยและต่างประเทศ โดยจะร่วมมือกับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน
นายหยู่ปิน เคอ (Yubin Ke) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ปัจจุบันโรงงานบีวายดีเตรียมใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากกว่า 40% จากผู้ผลิตชิ้นส่วนหลายรายในประเทศไทย และมีแผนการจัดซื้อเพิ่มขึ้นทุกปี ในอนาคตจะยกระดับการผลิตและพัฒนาชิ้นส่วนในประเทศให้เป็น "Made in Thailand"
นายเซิน ซิงหัว (Shen Xinghua) ประธานบริษัท บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ฉางอานมีเป้าหมายสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมีแผนลงทุนมากกว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อผลิตรถยนต์พลังงานใหม่กว่า 1.5 ล้านคัน
สำหรับประเทศไทย ฉางอันต้องการให้ไทยเป็นศูนย์กลางในอาเซียน ทั้งการผลิต ขาย รวมถึงการวิจัยและพัฒนา โดยจะมีการลงทุนราว 10,000 ล้านบาท บริษัทฯ คาดว่าจะเริ่มผลิตรถยนต์ได้ในไตรมาสแรกของปี 2568 มีกำลังการผลิตมากกว่า 100,000 คัน โดยใช้ชิ้นส่วนในประเทศถึง 60% และมีโอกาสที่จะเพิ่มไปถึง 90% จากมาตรการสนับสนุนของรัฐบาลไทย
นายไมเคิล ฉง (Michel Chong) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โดยปัจจุบันบริษัทฯ ได้ลงทุนตั้งโรงงานผลิตที่ จ.ระยอง แล้วกว่า 12,500 ล้านบาท มีการจ้างแรงงานกว่า 3,000 คน มีกำลังการผลิตรถยนต์ 80,000 คันต่อปี
และในอนาคตมีแผนลงทุนในไทยเพิ่มเป็น 22,500 ล้านบาท โดยจะร่วมมือกับซัพพลายเออร์ในประเทศไทยในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงยกระดับ Supply Chain ของไทยให้แข็งแกร่งมากขึ้นและสร้างการเติบโตให้กับประเทศไทยในระยะยาว โดยจะเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนในประเทศ 80 – 90% ภายใน 3 – 5 ปีข้างหน้า
นายชู กังจื้อ (Shu Gangzhi) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ปีนี้โรงงานเนต้าในประเทศไทยจะเริ่มเดินเครื่อง โดยมีการใช้ชิ้นส่วนในประเทศมากกว่า 60% จากผู้ผลิต 16 ราย และตั้งเป้าเพิ่มการใช้ชิ้นส่วนในประเทศให้ได้ถึง 85%
"บริษัทเชื่อมั่นการลงทุนในไทย ด้วยความพร้อมของ Supply Chain ที่แข็งแกร่งในประเทศไทย เชื่อว่าทั้งจีนและไทยจะประสบความสำเร็จร่วมกันในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลก"
นายฉี เจี๋ย (Qi Jie) ประธาน บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Chery Group กล่าวว่า บริษัทฯมีโรงงานผลิตรวม 10 แห่งทั่วโลก โดยรถยนต์ของบริษัทมีการส่งออกไปยัง 80 ประเทศทั่วโลก และไทยจะเป็นฐานผลิตหลักในอาเซียน บริษัทฯมีความมุ่งมั่นที่จะช่วยยกระดับผู้ผลิตชิ้นส่วนในแต่ละประเทศ ดึงผู้ผลิตชิ้นส่วนจากจีนเข้ามาร่วมมือกัน ให้เกิด “Win-Win” ทั้งสองฝ่ายเพื่อร่วมกันพัฒนาห่วงโซ่การผลิตรถยนต์พลังงานใหม่อย่างสมบูรณ์ให้เกิดขึ้นทั่วโลก
นายสุโรจน์ แสงสนิท รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด ผู้ผลิตรถยนต์ MG กล่าวว่า ต้นปี 67 ได้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า BEV รุ่นแรก MG4 เพื่อจำหน่ายในตลาดประเทศไทย โดยบริษัทได้ใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศ และร่วมมือกับ Supplier ไทย ในการพัฒนานวัตกรรม
รวมทั้งสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย โดยเชื่อมั่นว่านโยบายสนับสนุนการใช้ชิ้นส่วนในประเทศจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการไทย และสามารถเพิ่มโอกาสในการเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออกยานยนต์ไฟฟ้าในตลาดโลก