รถตู้ EV จีนป่วน ฮุนไดส่ง Hyundai STARIA Elite รุ่นล่างเสียบแทน H1
รถตู้ EV จีน ปูพรมถล่มตลาดปลายปี ทั้ง ZEEKR 009, XPENG X9 และ DENZA D9 ด้าน “ฮุนได” รับสภาพการแข่งขันดุ แถมโปรดักต์สร้างชื่ออย่าง Hyundai H1 เครื่องยนต์ดีเซลยูโร 4 กำลังจะหมดสต๊อก เตรียมอุดช่องว่างด้วย STARIA Elite รุ่นย่อยใหม่ ราคาประหยัด 1.659 ล้านบาท
ฮุนได ยุคใหม่ในไทย ภายใต้การเข้ามาดำเนินธุรกิจของบริษัทแม่ประเทศเกาหลีใต้ แม้พยายามขยับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูทันสมัย และมุ่งทิศทางไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า EV ทว่าสัดส่วนยอดขายเกินกว่า 70% ยังเป็นของรถตู้ MPV อย่าง H1 และ Hyundai STARIA
อย่างไรก็ตาม บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด ยืนยันว่าจะไม่นำเข้า Hyundai H1 มาทำตลาดอีกต่อไป เนื่องจากเครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร ไม่ได้พัฒนาให้ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5 ที่บังคับใช้ในไทยตั้งแต่ต้นปี 2567 และแน่นอนว่าค่ายรถยักษ์ใหญ่จากเกาหลีใต้ ได้วางแผนรองรับเอาไว้แล้วด้วยโฉมใหม่ Hyundai STARIA กับเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร เพียงแต่ที่ผ่านมา ยังไม่ได้การตอบรับดีเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับผลงานที่ H1 เคยทำได้
ขณะเดียวกัน ฮุนได ยังโดนคู่แข่งตีกระหนาบ ไม่ว่าจะเป็นคนบ้านเดียวกันอย่าง “เกีย” หรือค่ายญี่ปุ่นโตโยต้า ที่เปิดแนวรุกรถอเนกประสงค์ในหลายระดับราคา บวกกับการมาของ MPV พลังงานไฟฟ้าจากจีน ทั้ง MG MAXUS 9 และ ZEEKR 009 รวมถึงรถใหม่ที่เตรียมเปิดตัวปลายปีนี้ ทั้ง XPENG X9 และ DENZA D9 ของบีวายดี
นายวัลลภ เฉลิมวงศาเวช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การมาของ MPV พลังงานไฟฟ้าจากจีน ย่อมกระทบต่อตลาด และการขายของฮุนได
สำหรับยอดขายฮุนได ในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ส.ค.67) ทำได้ประมาณ 3,500 คัน ในจำนวนนี้เป็นของ H1 และ Hyundai STARIA รุ่นละกว่า 1,000 คัน ส่วนยอดรวมทุกรุ่นในปีนี้คาดว่าจะทำได้ 5,000 คัน อาจจะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2566
ส่วน Hyundai H1 ยังมีรถเหลือในสต๊อกประมาณ 10 คัน ซึ่งบริษัทวางแผนเสริมรุ่นย่อยใหม่ให้ Hyundai STARIA เพื่อชดเชยกับช่องว่างทางการตลาด(ราคาล้านกลางๆ) ตรงนี้
“ช่วงเดือนตุลาคมนี้ จะมี Hyundai STARIA รุ่น Elite ราคา 1.659 ล้านบาท เข้ามาทำตลาด ซึ่งจะเป็น MPV ที่โดดเด่นเรื่องความอเนกประสงค์ ความสะดวกสบายภายในห้องโดยสาร มาในราคาที่คุ้มค่า”
นายวัลลภ ยังกล่าวเพิ่มเติมถึงแผนการทำตลาด EV แบรนด์ IONIQ ว่า ปัจจุบันนำเข้ารถมาจากเกาหลีใต้ ทั้ง IONIQ 5 IONIQ 6 ล่าสุด กับ EV สมรรถนะสูง IONIQ 5 N ราคา 3.79 ล้านบาท โดย 2 รุ่นแรกเข้าโครงการ EV 3.5 ของภาครัฐ ที่ได้สิทธิ์ไม่เสียภาษีนำเข้า (ปกติ 40%) พร้อมรับเงินสนับสนุน 1 แสนบาทต่อคัน
“จากเงื่อนไข EV 3.5 เราต้องผลิตคืน 2 คัน จากการนำเข้ามา 1 คัน โดยเราประกาศการลงทุน 1,000 ล้านบาท ร่วมกับพันธมิตรในไทย (ธนบุรีประกอบรถยนต์) เพื่อตั้งโรงงานผลิต EV และทำชุดแพกแบตเตอรี่ EV ที่จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งจะพร้อมตั้งแต่เดือนมกราคม 2569”
โรงงานของ บริษัท ฮุนได โมบิลิตี้ แมนูแฟคเตอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 28,500 ตารางเมตร ตั้งเป้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 5,000 คันต่อปี เพื่อรองรับตลาดในประเทศ ปัจจุบันกำลังขอใบอนุญาต Custom Free Zone จากนั้นในปีหน้าจะเริ่มนำเข้าเครื่องจักร และเริ่มทดลองประกอบ ก่อนจะมีรถ IONIQ 5 คันแรกออกจากสายการผลิตในเดือนมกราคม 2569
ในส่วนโชว์รูม-ศูนย์บริการ IONIQ Agency บริษัทไม่ได้บังคับให้ทุกดีลเลอร์ต้องทำ แต่ให้เป็นไปตามความพร้อมและความสมัครใจ ปัจจุบันมี 8 แห่ง และกำลังจะเพิ่มอีก 2 แห่ง รวมเป็น 10 แห่ง จากโชว์รูมฮุนไดทั้งหมด 37 แห่ง ทั่วประเทศ
“ยอดขาย EV ปีนี้อาจจะยังไม่สูงมาก แต่ปีหน้า เราคาดว่า IONIQ 5 และ IONIQ 6 จะขายรวมกันเกิน 1,500 คัน ซึ่งสอดคล้องกับแผนการผลิตชดเชยในปี 2569” นายวัลลภ กล่าวสรุป