ตามรายงานของสื่อจีน ก่อนหน้านี้ว่า เนต้า ออโต้ ยอดขายลดลงต่อเนื่องในประเทศบ้านเกิด และเผชิญปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน จนถึงขั้นต้องลดเงินเดือนพนักงาน หรือมีบางช่วงที่จ่ายเงินล่าช้า
ขณะที่ธุรกิจในประเทศไทย บรรดาดีลเลอร์เนต้า ยังระบุว่า ที่ผ่านมา บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด จ่าย intensive ดีลเลอร์ เป็นรถยนต์ไฟฟ้า แทนเงินสด
ล่าสุด บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด ออกโรงชี้แจงว่า บริษัทแม่ อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างภายในองค์กร เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมรถยนต์ สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ และเสริมความแข็งแกร่งเพื่อการเติบโตในอนาคต
สำหรับแผนงานปี 2025 เตรียมเปิดตัว NETA S Shooting Brake ในไทย ส่วนโรงงานที่บางชัน จะขึ้นไลน์ผลิต NETA X อีกหนึ่งรุ่น(ต่อจาก NETA V)
นาย ชู กังจื้อ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมีลูกค้าเนต้ามากกว่า 22,000 ราย ซึ่งเรามั่นใจว่า การปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และเพิ่มประสิทธิภาพทางการเงินให้ดีขึ้นของบริษัทแม่ จะช่วยเสริมให้บริษัทสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน
ที่สำคัญเราได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด นั่นคือ หนานหนิง อินดัสเทรียล อินเวสต์เมนต์ กรุ๊ป จำกัด (Nanning Industrial Investment Group) ซึ่งเป็นบริษัทที่รัฐบาลเป็นเจ้าของโดยตรง
ภายใต้การดูแลของรัฐบาลท้องถิ่นหนานหนิง โดยให้การสนับสนุนพิเศษกับ เนต้า สำหรับซัพพลายเชนในการทำตลาดนอกประเทศจีน นอกจากนี้ เรากำลังทำงานร่วมกัน เพื่อเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ประเทศฮ่องกง
เนต้า ได้ส่งออกรถไปมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก ส่วนแผนการดำเนินงานในประเทศไทย เรายังคงสานต่อกลยุทธ์ "All in Thailand, All for Thailand" ในการยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ และติดตั้งเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดแนะนำเทคโนโลยี EREV ที่ผสานประสิทธิภาพของพลังงานไฟฟ้า และความยืดหยุ่นของเครื่องยนต์สันดาปภายในมีมอเตอร์ไฟฟ้าใช้เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก และเครื่องยนต์สันดาปภายในใช้เพื่อผลิตไฟฟ้าเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ โดยสามารถขับขี่ในโหมดไฟฟ้าเต็มรูปแบบในระยะทาง 1,200 กิโลเมตรต่อน้ำมันหนึ่งถัง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
“NETA S Shooting Brake กับเทคโนโลยี EREV เตรียมเปิดตัวให้แก่ลูกค้าชาวไทย ปี 2025และตั้งเป้าจะเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ 1 รุ่น ทุกปี ตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป พร้อมก้าวสู่การเป็น TOP 5 แบรนด์รถยนต์ในประเทศไทย ภายในปี 2030” นาย ชู กังจื้อ กล่าว