โตโยต้า เผยกำไรปี '66 ลดลง 2.51% - ตลาดปิกอัพซึมยาว ไฟแนนซ์คุมเข้มสินเชื่อ

โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศ ไทย เผยผลประกอบการปี 2566 ทำรายได้รวมกว่า 4.92 แสนล้านบาท ฟันกำไรก่อนหักภาษี 34,601 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิเหลือ 26,915 ล้านบาท ลดลง 2.51% เมื่อเทียบกับปี 2565

ด้านยอดขายในปีที่ผ่านมา 265,949 คัน ลดลง 8% เมื่อเทียบกับปี 2565 (ตลาดรวม 775,780 คัน ลดลง 9%) โดยเซกเมนต์รถยนต์นั่งของโตโยต้า เติบโต 20% แต่ปิกอัพร่วงหนัก 28%

โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย รายงานว่า ปี 2566 ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังคงอยู่ในภาวะทรงตัว โดยตลาดภายในประเทศยังคงมีทิศทางที่ชะลอตัว ในขณะที่ภาคการส่งออกโดยรวมมีการขยายตัวที่ดีขึ้น

ด้วยปัจจัยหลากหลายด้านที่ส่งผลกระทบต่อทิศทางของตลาดในปีที่ผ่านมา ทั้งจากสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ กำลังซื้อที่ชะลอตัวลงจากหนี้ครัวเรือนสูง ตลอดจนการชะลอซื้อรถยนต์ของภาคธุรกิจเพื่อรอความชัดเจนจากมาตรการรัฐซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ขณะเดียวกันสถาบันการเงินก็เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถ และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง

ส่วนเป้าหมายยอดขายปี 2567 โตโยต้า ตั้งไว้ 277,000 คัน เพิ่มขึ้น 4% มีส่วนแบ่งทางการตลาด 34.6% จากตลาดรวมที่คาดว่า จะทำได้ 800,000 คัน

นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ปีนี้ จะค่อยๆ ฟื้นตัว โดยมีปัจจัยรอบด้านที่จะส่งผลกระทบต่อภาพรวม อาทิ การเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น นโยบายของภาครัฐที่จะสนับสนุนการใช้จ่ายให้เร่งตัวขึ้น ซึ่งจะเริ่มมีความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง

ในส่วนโตโยต้า ประเมินยอดขายตามความเป็นจริงและคาดว่ากลุ่มรถยนต์นั่งของโตโยต้าจะทำได้ 81,700 คัน (ไม่รวมเอสยูวี) ลดลง 18% ส่วนปิกอัพ 1 ตัน (ไม่รวมพีพีวี) 114,500 คัน เพิ่มขึ้น 7% ซึ่งรถเซกเมนต์นี้ ยังมีเรื่องสถาบันการเงินเป็นตัวแปรสำคัญ

สำหรับปิกอัพ 1 ตัน โตโยต้าเพิ่งเปิดตัว ไฮลักซ์ แชมป์ ในไทย ช่วงปลายที่แล้ว ปัจจุบันมียอดจองเข้ามากว่า 1,500 คัน ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นรุ่นท็อป เกียร์อัตโนมัติ ช่วงล้อยาว

ในช่วงแรกของการเปิดตัวไฮลักซ์ แชมป์ ดีมานในรุ่นท็อปเข้ามาสูงเกินกว่าที่เราคาดไว้ (ซื้อไปแต่งใช้เป็นรถส่วนบุคคล, ซื้อไปทำรถบ้าน)  หรือมีจำนวนมากกว่าลูกค้าที่ซื้อไปใช้เป็นรถเพื่อการพาณิชย์

“ถือว่าผิดคาดเล็กน้อย และเราไม่ได้วางแผนซัพพลายไฮลักซ์ แชมป์ รุ่นท็อปไว้มากนัก เพราะมองว่ารุ่นสแตนดาร์ด หรือพวกเกียร์ธรรมดา น่าจะจะขายดี”

บริษัทฯ ยังจับตาดูตลาด และกลุ่มลูกค้ามุ่งหวังของ ไฮลักซ์ แชมป์ ซึ่งในช่วงเปิดตัวได้การตอบรับดี ขณะเดียวกันยังมีความต้องการรถเพื่อนำไปดัดแปลงเป็นฟู้ดทรัค ที่ลูกค้าเป็นผู้หญิง ยังต้องการขับรุ่นเกียร์อัตโนมัติ ดังนั้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะต้องปรับแผนการผลิตใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการ

“เชื่อว่าช่วงไตรมาสที่สอง หรือครึ่งปีหลังสัดส่วนของไฮลักซ์แชมป์รุ่นล่าง ที่นำไปใช้เพื่อการพาณิชย์จะมีมากขึ้น แต่สิ่งที่ยังต้องพิจารณาคือความเข้มงวดของสถาบันการเงินที่มีต่อลูกค้ากลุ่มนี้ยังมีอยู่”

ดังนั้น จากทุกปัจจัยและประเด็นสำคัญคือความเข้มงวดของการอนุมัติสินเชื่อ ทำให้โตโยตัา ปรับเป้าขายไฮลักซ์ แชมป์ เหลือ 1,200 คันต่อเดือน จากเดิมที่เคยมองไว้เฉลี่ย 1,500 คันต่อเดือน ส่วนแผนส่งออกจะมีส่งไปยังประเทศอินโดนีเซียเช่นกัน