จากกรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข้อมูลธนบัตรปลอมมูลค่า 1,000 บาทระบาดในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี 2 แห่ง คือ ซอยกำนัน อ.เมืองอุดรธานี โดยลูกค้าเอาเงินปลอมมาซื้อหมูกะทะที่ร้าน และร้านขายของชำที่ ต.เชียงหวาง อำเภอเพ็ญ มีลูกค้านำแบงก์พันบาทมาซื้อของภายในร้าน
พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติฝากเตือนประชาชนให้ระมัดระวัง โดยเฉพาะกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ขอให้ตรวจสอบธนบัตรที่ได้รับ โดยเฉพาะธนบัตรที่มีมูลค่าสูงจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพแก๊งปลอมธนบัตร
สำหรับวิธีสังเกตธนบัตรใบละ 1,000 บาทปลอมหรือไม่เบื้องต้นให้ดูที่ "แถบสีในเนื้อกระดาษ" ดังนี้
โดยโทษฐานปลอมหรือแปลงธนบัตร ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 ระบุไว้ว่า ผู้ใดทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตรา ไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด ซึ่งรัฐบาลออกใช้หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือทำปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้นๆ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเงินตรา ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 10 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 40,000 บาท
สำหรับการใช้เงินปลอมซื้อของโทษสูงสุดติดคุก 15 ปี การใช้ธนบัตรปลอมในการซื้อสินค้าและบริการเป็นการกระทำที่มีความผิดตามกฎหมายอาญาโดยแบ่งความผิดตามเจตนาของผู้ใช้ธนบัตรปลอมออกเป็น 2 ประเด็นหลัก
1.กรณีได้ธนบัตรปลอมมาโดยไม่รู้ว่าเป็นของปลอม แต่ต่อมาเมื่อรู้ว่าเป็นของปลอมแล้วยังขืนนำออกไปซื้อสินค้าและบริการต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปีหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 245
2.กรณีมีธนบัตรปลอมไว้เพื่อใช้โดยที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นของปลอมต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 30,000 บาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 244
โฆษก ตร. กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยประชาชน เน้นย้ำให้บังคับใช้กฎหมายจัดการกลุ่มมิจฉาชีพปลอมแบงค์อย่างเคร่งครัด สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งปราบปรามและหาทางป้องกันอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อนต่อพี่น้องประชาชน ที่เป็นสุจริตชน และเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ
หากพี่น้องประชาชนพบการกระทำความผิดสามารถแจ้งเบาะแสและสอบถามข้อมูลได้ที่ สายด่วน 191 หรือสายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง