หลังจากที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยชุดปฏิบัติการฉุกเฉิน "พญานาคราช" ได้ลงพื้นที่ ปฏิบัติการตรวจตู้คอนเทนเนอร์ ที่ท่าเรือแหลมฉบังด้วยตนเอง เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา ผลการสุ่มตรวจค้นพบเนื้อโคและหมูสามชั้นแช่แข็ง เพิ่มอีก 2 ตู้ น้ำหนักรวมกว่า 54 ตัน ทั้งหมด มีเอกสารสำแดงเท็จเป็น อาหารทะเลแช่แข็ง
ล่าสุด(19 ธันวาคม 2566) ร.อ.ธรรมนัส ได้ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับการดำเนินคดีหมูเถื่อน ว่าเรื่องนี้เป็นผลงานที่เราปราบปรามอย่างจริงจัง ขณะนี้ที่เงียบไปไม่ใช่ว่าเราหยุด เรายังคงทำต่อ จับได้เกือบทุกวัน ยังคงมีอยู่เรื่อยๆ และไม่ใช่แค่หมูอย่างเดียวยังคงมีสินค้าอื่นๆ ด้วย
ต่อกรณีรายชื่อผู้ค้าหมูเถื่อนที่ได้ส่งไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า มีการขยายผล ก่อนสิ้นปีคงจะเห็นหน้าเห็นตา ชื่อจริงนามสกุลจริง ว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง ซึ่งเป็นรายชื่อนักการเมืองที่เป็นข่าวไปแล้ว ยืนยันว่าเอาผิดได้แน่นอน บริษัทใหญ่ๆ ก็โดนหมด
ซึ่งร.อ.ธรรมนัส ได้ให้ความมั่นใจกรณีหากการสืบสวนสอบสวนไปเจอตอ หรือผู้กระทำความผิดที่เป็นรายใหญ่และมีอิทธิพลสูงว่า "เรื่องนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับเป็นคดีพิเศษ ซึ่งตนได้หารือกับรมว.ยุติธรรม แล้ว ดังนั้นก่อนวันที่ 31 ธ.ค.66 จะมีความชัดเจนทั้งหมด ซึ่งน่าจะปิดคดีได้"
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2566 ร.อ.ธรรมนัส ได้ออกมาเปิดเผยถึงคลิปเสียงหลุด นักกิจกรรม "อักษรย่อ ท." เจรจาเคลียร์คดีหมูเถื่อน ซึ่งในภายหลัง นายไทกร พลสุวรรณ ได้ออกมายอมรับว่าตนเอง คือบุคคลในคลิปเสียงดังกล่าว และเป็นการเจรจาเพื่อให้นาย นายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วยดำเนินการตามกระบวนการปกติ เพื่อให้บริษัทที่ได้รับความเสียหาย สามารถดำเนินการขออนุญาติได้ตามขั้นตอนปกติ โดยเสนอค่าจ้างเพื่อดำเนินการทางกฎหมาย ตามมูลค่าที่ปรากฏในคลิปเสียง
จากกรณีดังกล่าว นำมาสู่การตั้งข้อสังเกตว่า ท้ายที่สุดบริษัทที่นายไทกรได้นำไปเจรจากับนายธนดล (บริษัท สมายล์ ท็อป เค เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด) ได้ทำหนังสือขอความเป็นธรรม ไปยังนายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยมิได้มีการประสานงานกับ ที่ปรึกษา รมต.เกษตรและสหกรณ์ ในคลิปเสียงแต่อย่างใด