สถานการณ์ความรุนแรงของสงครามตะวันออกกลางยังคงทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระทรวงการต่างประเทศของไทยเร่งดำเนินมาตรการเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของคนไทยในพื้นที่ โดยในวันที่ 3 สิงหาคม 2567 นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงถึงสถานการณ์ล่าสุดและแนวทางการให้ความช่วยเหลือแก่คนไทยในพื้นที่เสี่ยงภัย
ตามรายงานล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ รวมทั้งสถานทูตในภูมิภาคตะวันออกกลาง ได้ร่วมกันติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อกำหนดแนวทางให้ความช่วยเหลือคนไทยที่เหมาะสม โดยยืนยันว่าความปลอดภัยของคนไทยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญสูงสุด
ก่อนหน้านี้ กระทรวงการต่างประเทศ ได้ประกาศแจ้งเตือนให้คนไทยที่มีแผนจะเดินทางไปอิสราเอลหรือประเทศใกล้เคียงให้ใช้ความระมัดระวังในการเดินทางหรือชะลอการเดินทางหากไม่มีเหตุจำเป็น รวมทั้งขอให้คนไทยที่อยู่ในพื้นที่ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำของสถานเอกอัครราชทูตและหน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม ที่ผ่านมา นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็นประธานจัดการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางอีกครั้ง และได้สั่งการให้สถานเอกอัครราชทูตติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งได้ประกาศมาตรการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่...
นายนิกรเดชยืนยันว่า ในขณะนี้ยังไม่มีการร้องขอและยังไม่มีเหตุจำเป็นต้องย้ายคนไทย แต่ได้มีการเตรียมการไว้แล้ว โดยสถานทูตไทยในภูมิภาคตะวันออกกลางได้จัดเตรียมแผนอพยพไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งเบื้องต้นจะเป็นการเคลื่อนย้ายคนไทยไปยังพื้นที่ปลอดภัยภายในประเทศนั้นก่อน และหากสถานการณ์รุนแรงมากยิ่งขึ้น ก็จะพิจารณาอพยพไปประเทศใกล้เคียงหรือกลับประเทศไทยต่อไป
ในประเด็นเกี่ยวกับการจัดส่งแรงงานไทยไปอิสราเอล เนื่องจากสถานการณ์มีแนวโน้มที่จะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น กระทรวงการต่างประเทศเห็นควรให้ชะลอการจัดส่งแรงงานไปอิสราเอลและประเทศใกล้เคียงจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานงานกับกระทรวงแรงงานเพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินการต่อไป
นายนิกรเดชย้ำว่า รัฐบาลไทยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วยความห่วงกังวลอย่างยิ่ง และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้นอย่างสูงสุดและยุติการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบ เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้ พร้อมทั้งขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ และให้ความสำคัญกับการเจรจาหยุดยิงให้บรรลุผลโดยเร็วที่สุด
ประเทศไทยยังคงสนับสนุนแนวทางสองรัฐที่มีอิสราเอลและปาเลสไตน์อยู่เคียงคู่กันอย่างมั่นคงและสันติ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศย้ำว่า รัฐบาลไทยมีความห่วงกังวลในความปลอดภัยของคนไทยทั้งในอิสราเอล เลบานอน และในประเทศใกล้เคียงในภูมิภาคตะวันออกกลาง และขอให้คนไทยทุกคนติดตามและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการอย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ จากข้อมูลล่าสุดจากองค์การสหประชาชาติ สถานการณ์ความรุนแรงในอิสราเอลและฉนวนกาซาได้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 1,000 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายพันคน โดยทางการอิสราเอลได้ประกาศภาวะสงครามและดำเนินการโต้ตอบทางทหารอย่างหนัก ส่งผลให้สถานการณ์ในภูมิภาคทวีความตึงเครียดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ สำหรับคนไทยที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยและต้องการความช่วยเหลือ กรณีฉุกเฉินขอให้ติดต่อขอรับความช่วยเหลือเร่งด่วนได้ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ หมายเลข +972 546 368150 และ +972 503 673195 หรือ Call Center กรมการกงสุล หมายเลข 02 572 8442