"ฝุ่น PM 2.5" คัมแบ็ก เดือน พ.ย.นี้ กรมควบคุมมลพิษ เตือน กทม.-ปริมณฑล รับมือ

21 ต.ค. 2567 | 07:00 น.
อัปเดตล่าสุด :21 ต.ค. 2567 | 08:15 น.

เตรียมพร้อมรับมือฝุ่น PM 2.5 ในเดือนพฤศจิกายน "กรมควบคุมมลพิษ" เตือนกรุงเทพฯ และปริมณฑลเข้าสู่ฤดูฝุ่น เผยมาตรการรับมือครอบคลุมทุกภาคส่วน พร้อมแนะนำประชาชนป้องกันตนเองจากฝุ่นอันตราย

กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เผยถึงการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล สำหรับปี 2568 โดยนางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ช่วงเวลานี้ ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ฤดูฝุ่นประจำปี โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมีนาคม ที่เป็นช่วงที่ค่าฝุ่นละอองในอากาศมักสูงกว่าปกติ ทั้งนี้จากการวิเคราะห์ข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยา คาดว่าปี 2568 สถานการณ์ฝุ่นอาจจะดีกว่าปีที่ผ่านมา แต่ยังคงมีความเสี่ยงในช่วงเวลาวิกฤต 

\"ฝุ่น PM 2.5\" คัมแบ็ก เดือน พ.ย.นี้ กรมควบคุมมลพิษ เตือน กทม.-ปริมณฑล รับมือ

การคาดการณ์ดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลจากองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (NOAA) ที่ระบุว่า ประเทศไทยจะเผชิญกับสภาวะ "ลานีญา" ในช่วงเดือนกันยายน 2567 ถึงมีนาคม 2568 ซึ่งเป็นสภาวะที่ทำให้ปริมาณฝนในหลายพื้นที่สูงกว่าปกติสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้ความรุนแรงของการเผาไหม้ชีวมวลและการลุกลามของไฟป่าลดลง ทำให้ฝุ่นละออง PM2.5 ลดลงตามไปด้วย 

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลในช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน 2567 ซึ่งคาดว่าจะมีมวลอากาศเย็นปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้สภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลปิด ส่งผลให้ฝุ่นละอองไม่สามารถกระจายตัวได้ดี ส่งผลให้ระดับฝุ่นสูงขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 24-27 ตุลาคม 2567 

กรมควบคุมมลพิษจึงได้เตรียมมาตรการรับมืออย่างรอบด้านเพื่อควบคุมสถานการณ์ฝุ่นในปี 2568 โดยมาตรการเหล่านี้ครอบคลุมทั้งการป้องกัน การควบคุม การบริหารจัดการ และการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ทั้งนี้ แผนปฏิบัติการแบ่งออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ระดับชาติ ระดับภาค และระดับจังหวัด ในระดับชาตินั้น คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้มีการเห็นชอบมาตรการควบคุมฝุ่นละออง PM2.5 ซึ่งจะดำเนินการผ่านหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมุ่งเน้นการบูรณาการมาตรการและการจัดการแบบเบ็ดเสร็จเพื่อให้ครอบคลุมทุกมิติในการแก้ไขปัญหา 

ในระดับจังหวัดและท้องถิ่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในการควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่นละออง ทั้งจากยานพาหนะ โรงงานอุตสาหกรรม การก่อสร้าง รวมไปถึงการเผาในพื้นที่เกษตรกรรมและชุมชน สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มาตรการหลักคือการควบคุมการระบายฝุ่นจากยานพาหนะที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซล โดยกรมควบคุมมลพิษได้ร่วมมือกับกระทรวงคมนาคมและกรุงเทพมหานครในการกำหนดมาตรการควบคุมการปล่อยมลพิษจากรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่เข้าสู่เขตเมือง โดยในช่วงเวลาวิกฤตจะมีการประกาศห้ามรถบรรทุกเข้าพื้นที่บางส่วนของกรุงเทพมหานคร เพื่อบรรเทาสถานการณ์ฝุ่น

นอกจากนี้ยังมีมาตรการสนับสนุนการใช้ขนส่งสาธารณะ โดยกรมควบคุมมลพิษได้ประสานงานกับ ขสมก. เพื่อเร่งรัดการเปลี่ยนรถขนส่งมวลชนให้เป็นรถไฟฟ้า รวมถึงการลดค่าโดยสารในช่วงเวลาที่มีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้บริการขนส่งสาธารณะมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีมาตรการตรวจจับและปราบปรามการใช้รถยนต์ที่ปล่อยควันดำในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างเข้มงวด 

ในด้านการบริหารจัดการฝุ่นในเขตเมือง กรมควบคุมมลพิษยังได้ประสานกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและหน่วยงานท้องถิ่นในการตรวจสอบการปล่อยมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด รวมถึงการจับกุมผู้ที่ลักลอบเผาในพื้นที่ชุมชนและริมถนน ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ค่าฝุ่นละออง PM2.5 สูงเกินมาตรฐานในหลายพื้นที่ 

 

นอกจากการควบคุมฝุ่นจากแหล่งกำเนิดในประเทศแล้ว ยังมีการจัดการปัญหาหมอกควันข้ามแดน ซึ่งกรมควบคุมมลพิษได้มีการหารือกับประเทศเพื่อนบ้านในระดับรัฐมนตรีเพื่อกำหนดมาตรการร่วมกันในการควบคุมและดับไฟในพื้นที่เกษตรกรรม รวมถึงส่งเสริมการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรแบบไม่เผา เพื่อลดปริมาณฝุ่นละอองที่แพร่กระจายข้ามพรมแดนมายังประเทศไทย 

ในส่วนของมาตรการเชิงรุก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดทำแผนที่เสี่ยงการเผา (Risk Map) เพื่อคาดการณ์พื้นที่เสี่ยงและกำหนดจุดเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ทั้งในพื้นที่ป่าอนุรักษ์และพื้นที่เกษตร นอกจากนี้ยังได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการและเฝ้าระวังไฟป่าขึ้นในหลายจังหวัด รวมถึงการจัดชุดดับไฟป่าที่พร้อมปฏิบัติการตลอด 24 ชั่วโมงในพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันการลุกลามของไฟและการเกิดฝุ่นละอองจากการเผา 

ในด้านของเกษตรกรรม มาตรการในปี 2568 จะเข้มข้นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีการเผาอ้อยและพืชเชิงเดี่ยวมากที่สุด กรมควบคุมมลพิษได้กำหนดมาตรการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดมากขึ้นกับเกษตรกรที่ฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการเผา โดยเกษตรกรที่ไม่ร่วมมือจะถูกตัดสิทธิ์การช่วยเหลือจากภาครัฐรวมถึงอาจถูกเพิกถอนสิทธิการถือครองที่ดินในเขต ส.ป.ก. 

\"ฝุ่น PM 2.5\" คัมแบ็ก เดือน พ.ย.นี้ กรมควบคุมมลพิษ เตือน กทม.-ปริมณฑล รับมือ

ทั้งนี้ ในการดูแลสุขภาพประชาชน กรมควบคุมมลพิษยังได้เตรียมมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มข้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง นอกจากนี้ยังได้ส่งเสริมให้ประชาชนป้องกันตนเองจากฝุ่นละอองด้วยการสวมหน้ากากอนามัยชนิด N95 ในช่วงที่ค่าฝุ่นสูง พร้อมทั้งสนับสนุนการทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) เพื่อช่วยลดการเดินทางและการเพิ่มปริมาณฝุ่นในช่วงที่เกิดวิกฤตฝุ่น PM2.5 

กรมควบคุมมลพิษยังได้ขอความร่วมมือจากประชาชนให้ติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองอย่างใกล้ชิด ผ่านแอปพลิเคชัน Air4Thai และแฟนเพจ ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) เพื่อรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องและสามารถวางแผนการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเหมาะสม 

แม้สถานการณ์ในปี 2568 จะมีแนวโน้มดีขึ้น แต่กรมควบคุมมลพิษยังคงเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินการตามมาตรการต่าง ๆ อย่างเข้มงวด เพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากฝุ่นละออง PM2.5 ให้น้อยที่สุด และขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันในการปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด