พันโท หนุน ศันสนาคม ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ให้สัมภาษณ์ถึง แนวทางการแก้ปัญหาสลากเกินราคาอย่างเป็นรูปธรรมว่า จะมีข้อสรุปชัดเจนหลังจากที่กองสลากฯได้นำเสนอเข้าสู่คณะกรรมการ (บอร์ด) ในวันที่ 29 กันยายนนี้ ใน 3 แนวทาง ก็คือ
1.การแก้ปัญหาเรื่องของระบบการซื้อจองหน้าตู้เอทีเอ็ม จนเกิดการกระทบกระทั่งในเรื่องของคิว 2. การทบทวนเพดานของการออกสลากดิจิทัล 20 ล้านใบ และ 3 การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ N 3 หรือ"หวย 3 หลัก"
โดยในเรื่องการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ จากการที่กองสลากฯได้ลงไปทำการสำรวจ ทำการประชาพิจารณ์ ผลออกมาในเชิงบวกต่อผู้ค้า กลุ่มผู้ซื้อทุกกลุ่ม ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย จึงเสนอคณะกรรมการในวันที่ 29 กันยายนนี้ หากเห็นชอบในเดือนตุลาคม จะเสนอตามสายงาน หลังจากนั้นจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา ซึ่งคาดจะประกาศออกมาในต้นปีหน้า และจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ก่อนเดือนกันยายน 2566
ขายหวย 3 หลัก ครึ่งหลังปี 66
โดยผลิตภัณฑ์ "หวย 3 หลัก" จะจำหน่ายที่ราคาขั้นต่ำ 50 บาทผ่าน 3 ช่องทาง คีออส (Kiosk), แฮนด์เฮลด์, สมาร์ทโฟน ซึ่งขึ้นกับมติบอร์ด ฯที่จะสรุปในวันที่ 29 กันยายนนี้ ส่วนรูปแบบการจ่ายรางวัล จะคล้าย "หวยใต้ดิน" เบื้องต้นวางไว้ที่บาทละ 200 บาท ซื้อครั้งเดียวเลือกได้ 3 ตัว แต่สามารถถูกได้ถึง 4 รางวัล คือ 3 ตัวตรง , 3 ตัวสลับหรือ 3 ตัวโต๊ด , 2 ตัวท้าย และ 4 รางวัลแจ็กพอต
"หวย 3 หลัก เรามีจุดเด่นกว่า "หวยใต้ดิน" คือการที่มีรางวัล"แจ็กพอต โดยที่เงินรางวัล"หวย 3 หลัก" 3 ตัวตรงสัดส่วน 40% , 3 ตัวโต๊ด สัดส่วน 30%, 2 ตัวท้าย สัดส่วน 29% และเงินรางวัลแจ็กพอตสัดส่วน 1% จะอยู่ภายใต้ 60% ของเงินรางวัล " พันโทหนุน กล่าว และว่า
เป้าหมายของกองสลากฯ นอกจากจะเป็นการแก้ปัญหาการขายสลากเกินราคา โดยการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ซื้อได้เข้าถึงในรูปแบบต่าง ๆ (สลากใบ ,สลากดิจิทัล และหวย 3 หลัก ) ส่วนหนึ่งเรายังต้องการดึงเงินจาก"หวยใต้ดิน" ขึ้นมา
นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการและโฆษกคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า การจะดึงราคาสลากให้ลงกลับมาที่ 80 บาทได้ จากการประเมินต้องมียอดขายหวย 3 หลัก บวกกับสลากดิจิทัล รวมกันไม่น้อยกว่า 60% ของยอดขาย100 ล้านเลขต่องวด
"หวย 3 หลัก จะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 หากได้รับการตอบสนองอย่างดีมาก ตอบโจทย์ กล่าวคือมีผู้ซื้อถึง 40 ล้านเลขต่องวด คนไม่นิยมเลข 6 หลักเมื่อปริมาณลดลงโดยปริยาย มั่นใจว่าราคาสลากจะกลับมาสู่ระดับที่ 80 บาทได้"
มั่นใจแก้ปัญหาจองซื้อหน้าตู้เอทีเอ็มได้ทันที
นายธนวรรธน์ กล่าวต่อว่า การแก้ระยะสั้นที่กองสลากฯสามารถดำเนินการได้ทันที คือการแก้ปัญหาการออกันหน้าตู้เอทีเอ็ม ทั้งนี้พบว่าระบบซื้อจองผ่านตู้เอทีเอ็มมีสัดส่วน 10% แต่ซื้อผ่านระบบเน็ตแบงก์ 90% จะมีวิธีช่องทางประชาสัมพันธ์อย่างไรไม่ให้เขาอยู่หน้าตู้เอทีเอ็ม
ส่วนเรื่องการเติมสลากดิจิทัล จากปัจจุบันที่มี 12.87 ล้านใบ จะมาดูว่าเพดานที่คงไว้ 20 ล้านใบ จะเติมจนครบสิ้นปีนี้หรือไม่ โดยจะพิจารณาว่าใกล้เข้าจุดสมดุลหรือยัง จากความต้องการของผู้ซื้อและสถานการณ์เศรษฐกิจ เช่น ในงวดล่าสุด (1 ตค 65) จำนวนสลาก 12,879,500 ใบ จำนวนผู้ซื้อ 1.72 ล้านราย จำหน่ายหมดในระยะ 10 วัน จากที่ 5 งวดแรกสามารถจำหน่ายหมดในระยะเวลา 5 วัน
"เราต้องมามองว่าผู้ซื้อคุ้นเคยกับระบบดิจิทัล มากน้อยแค่ไหน ถ้าคนซื้อมีจำนวนขึ้นไม่มาก หรือขายหมดช้า จะประเมินว่าใกล้จุดสมดุลหรือยัง ผู้ซื้อพร้อมซื้อในสลากดิจิทัลมากน้อยแค่ไหน และเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4/65 ที่ฟื้นจากภาคการท่องเที่ยวก็ดี และจากการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ จะเป็นปัจจัยหนุนกำลังซื้อหรือไม่ โดยผลการศึกษาฯ ในจำนวนสลากที่ขาย 100 ล้านใบต่องวด มาจากผู้ซื้อประมาณ 20 ล้านคน แต่ผู้ซื้อในระบบสลากดิจิทัล มีประมาณ 1.6-1.7 ล้านราย ถามว่าอีก 17-18 ล้านราย พฤติกรรมยังซื้อเป็นใบอยู่ ดังนั้นการเพิ่มสลากดิจิทัล จึงไม่ใช่การแก้ปัญหาเรื่องสลากเกินราคาอย่างเดียว ต้องมองถึงพฤติกรรมผู้ซื้อด้วย " นายธนวรรธน์ กล่าว