เด่น ดอกประดู่ หรือชื่อจริงว่า “บรรพต วีระรัฐ” หลายคนเรียกว่า “อาเด่น” ด้วยความที่เป็น ตลกรุ่นใหญ่ อุปนิสัยน่ารัก ยิ้มแย้ม มีความเป็นกันเอง แม้ว่าในระยะหลังจะมีข่าวคราวด้านสุขภาพและเงียบหายจากวงการไปนาน แต่ เด่น ดอกประดู่ ก็เป็นศิลปินตลก นักแสดง และพิธีกรรายการ ที่สร้างความสุขและความบันเทิงให้กับคนไทยมาตลอดเวลายาวนาน
ภาพจำเกี่ยวกับตลกอาวุโสผู้นี้ที่ยังคงตราตรึงอยู่เสมอคือความเป็นตลกสุภาพ ไม่นิยมมุกหยาบโลน ประกอบกับหน้าตาดี ผิวขาว รูปร่างสูงโปร่ง อาเด่นจึงก้าวจากศิลปินตลกมาสวมบทบาทเป็น “พระเอก” ภาพยนตร์ ประกบนางเอกดังแห่งยุคสมัยไม่ว่าจะเป็น ลลนา สุลาวัลย์ , เนาวรัตน์ ยุกตะนันท์ , สุพรรษา เนื่องภิรมย์ , มยุรา ธนะบุตร ฯลฯ เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในตลกเพียงไม่กี่คนในยุคนั้นที่ได้เป็นพระเอกของบรรดานางเอกสุดฮอตในวงการบันเทิงไทย
เด่น ดอกประดู่ เกิดเมื่อปีพ.ศ.2485 เป็นชาวจังหวัดสตูล ด้วยความที่เป็นคนหน้าตาดี รูปร่างสูงสมาร์ท เมื่อสมัยเป็นนักเรียนโรงเรียนดุริยางค์กองทัพเรือ จึงได้รับเลือกให้เป็น “ดรัมเมเยอร์ไม้หนึ่ง” ของวงดุริยางค์ทหารเรือ (ก่อนหน้านั้น เด่นศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม) และ ด้วยความที่ผูกพันกับกองทัพเรือ เมื่อเขาเดินหน้าเข้าสู่วงการบันเทิง จึงได้นำสัญลักษณ์ “ดอกประดู่”ของกองทัพเรือไทย มาใช้เป็นชื่อฉายาว่า “เด่น ดอกประดู่”
บนเส้นทางบันเทิงนั้น ก่อนที่เด่นจะมาเป็นที่รู้จักในฐานะสมาชิกวงตลก “เด่น เด๋อ เทพ” เขาเคยเป็นตลกเอกประจำวงดนตรีลูกทุ่งชื่อดังของ “เพลิน พรหมแดน” ที่นี่เอง ที่เด่นได้พบกับ “สุเทพ โพธิ์งาม” หรือที่รู้จักกันในวงการในนาม “เทพ โพธิ์งาม” (หรือ “ป๋าเทพ” ในเวลาต่อมา) ซึ่งเข้าวงเพลิน พรหมแดน ด้วยความฝันอยากจะเป็นนักร้องลูกทุ่ง แต่ขณะนั้นยังไปไม่ถึงฝัน เพราะเป็นได้แค่เด็กยกแผ่นโน้ตดนตรี เด่นเห็นแววความเป็นตลกในตัวเทพ เลยชวนให้มาเล่นตลกประจำวงด้วยกัน และเมื่อทั้งคู่ออกจากวงเพลิน พรมแดน จึงเดินหน้าร่วมกันจัดตั้งวงตลก โดยมีสมาชิกใหม่คนสำคัญเข้ามาร่วมด้วยอีกคน นั่นก็คือ “เด๋อ ดอกสะเดา” (ชื่อจริง สมใจ สุขใจ)
จุดเริ่มต้นของคณะตลกชื่อดังระดับตำนานของไทย “คณะเด่น เด๋อ เทพ” จึงเกิดขึ้น (ราวปี 2520) เริ่มจากการเป็นตลกเล่นประจำที่คาเฟ่ จากนั้นก็ “อัพเลเวล” ได้ไปออกอากาศแสดงตลกที่ช่อง 4 บางขุนพรหม ถือเป็นตลกยุคแรกๆ ที่ได้แสดงผ่านจอแก้ว ทำให้สามสหาย เด่น-เด๋อ-เทพ กลายเป็นตลกที่เริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
ถามว่า “เด่น-เด๋อ-เทพ” โด่งดังแค่ไหน? คงต้องตอบว่า ดังขนาดบริษัทไฟว์สตาร์ติดต่อให้ทั้ง 3 คนไปแสดงรับบทตัวเดินเรื่องหลักในภาพยนตร์ “เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง” (ออกฉายในปี 2520) ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้เองที่ เด่น ดอกประดู่ ได้ฉายแสงในฐานะ “ตลกพระเอก” แสดงประกบกับ “ลลนา สุลาวัลย์” นางเอกวัยรุ่นสุดฮอตของยุคนั้นที่แจ้งเกิดจากภาพยนตร์ “วัยอลวน”
“เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง” ที่เด่น ดอกประดู่ เป็นพระเอกนั้น ประสบความสำเร็จอย่างสูง ทำรายได้ถล่มทลายหลายสิบล้าน ซึ่งนับว่าสูงมากสำหรับหนังไทยในยุคนั้น ทำให้มีการสร้าง "ภาคต่อ" ตามมา อาทิ เท่งป๊ะต๊ะติ๊งโหน่ง (ออกฉายปี 2521 เด่นยังคงเป็นพระเอกประกบกับมยุรา ธนะบุตร) และ ยอดหญิงต๊ะติ๊งโหน่ง (ออกฉายปี 2521 เช่นกัน เด่นเป็นพระเอกรายล้อมด้วย 3 นางเอกดัง ประกอบด้วยวิยะดา อุมารินทร์ ,มยุรา ธนะบุตร และนัยนา ชีวานันท์)
ภาพยนตร์ตระกูล “ต๊ะติ๊งโหน่ง” จุดพลุทำให้ 3 ตลก “เด่น-เด๋อ-เทพ” กลายเป็นตลกซูเปอร์สตาร์บนฟากฟ้าบันเทิงไทย และสร้างตำนานตลก “เด่น-เด๋อ-เทพ” สืบมาถึงทุกวันนี้
นอกจาก 3 เรื่องข้างต้นแล้ว ทั้งเด่น เด๋อ เทพ ยังได้เล่นภาพยนตร์ด้วยกันอีกหลายเรื่อง อาทิ รักเธอเท่าช้าง (2521) ปล้น บ้าๆ บวมส์ๆ (2522) และเจ๊จ๋าเจ๊ (2524) ฯลฯ
อีกสองเรื่องที่ “เด่น ดอกประดู่” ได้เล่นเป็นพระเอกประกบนางเอกดังแห่งยุคอย่างสุพรรษา เนื่องภิรมย์ และเนาวรัตน์ ยุกตะนันนท์ ได้แก่ ยิ้มหน่อยจ้า (ออกฉายปี 2524) และ แต่งกับงาน (ปี 2525) ตามลำดับ
ในช่วงยุคที่ห่างหายจากภาพยนตร์จอเงินและงานละครจอแก้ว “อาเด่น” ยังมีบทบาทเป็นที่จดจำในฐานะพิธีกรรายการและผู้ผลิตรายการ โดยเฉพาะ รายการเกี่ยวกับความรู้ด้านการเกษตร “ไม่ลองไม่รู้” (ออกอากาศในปี 2533 ทางช่อง9) และทำให้มีสินค้าเกษตรในนาม “ไม่ลองไม่รู้” อาทิ ดินเกษตรผสม ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ประจำตัวของเด่น ดอกประดู่ตามมา
ในระยะหลังอาเด่นห่างหายจากวงการบันเทิง หันไปโฟกัสการทำธุรกิจผลิตดินเกษตรผสม โรงงานผลิตอยู่ที่บ้านพักในหมู่บ้านย่านซอยวัชรพล ถนนรามอินทรา นอกจากนี้ ยังเคยเปิดร้านเบเกอรี่ย่านสี่แยกพรานนกชื่อ มิสเบเกอรี่ ซึ่งปัจจุบันได้ปิดกิจการไปแล้ว
ชีวิตส่วนตัวสมรสกับ สุวพันธ์ อุบลชาติ หรือ เจ๊ตือ นักแสดงสาวที่พบรักกันระหว่างร่วมงานแสดง
คืนวานนี้ (10 ต.ค.) “เด่น ดอกประดู่” ได้จากลาไปแล้วด้วยวัย 80 ปี “ฐานเศรษฐกิจ” ขอร่วมอาลัยและแสดงความเสียใจมายังครอบครัวอาเด่น ณ โอกาสนี้
ขอบคุณ ภาพจาก เพจเฟซบุ๊ก Thai Movie Posters และ Pantip.com