ความคืบหน้ากรณีเกิดเหตุไฟไหม้เรือเฟอร์รี่ หรือเรือครุยส์หรู ที่จอดเทียบท่าลอยลำอยู่บริเวณท่าเทียบเรือซีแองเจิ้ล ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ในช่วงเช้าของวันนี้ (11 ธ.ค. 2565) หลังจากเกิดเพลิงลุกไหม้อย่างหนักและรวดเร็ว หน่วยดับเพลิงเทศบาลตำบลรัษฎา หน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต รุดไปตรวจสอบและระงับเพลิงอย่างลำบาก เนื่องจากเรือลอยลำอยู่ห่างฝั่ง ต้องใช้เวลากว่า 2 ชม. จึงสามารถควบคุมเพลิงได้
เบื้องต้นเพลิงที่ลุกไหม้อย่างหนักสร้างความเสียหายเกือบทั้งหมด ยกเว้นห้องเครื่องยนต์ไม่ได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้ ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่ามาจากห้องกัปตันเรือและลุกลามไปยังภายในเรืออย่างรวดเร็ว คาดว่ามีมูลค่าความเสียหายราว 40 ล้านบาท
ล่าสุดนายณชพงศ ประนิตย์ เจ้าท่าภูมิภาคสาขาภูเก็ต กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ประจำท่าเรือว่าเกิดเพลิงไหม้เรือ โดยได้ประสานให้เจ้าของเรือและผู้ที่เกี่ยวข้อง ให้รีบแยกเรือลำอื่นๆออกจากเรือลำที่เกิดเพลิงไหม้ และนำเรือออกจากฝั่ง
เนื่องเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ซึ่งดำเนินการได้ทันเวลา พร้อมทั้งประสานนำเรียนรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ผู้บังคับบัญชารองอธิบดีกรมเจ้าท่า และประสานไปยังหน่วยดับเพลิง ขณะเดียวกันหน่วยงานทั้งในท้องถิ่นและท้องที่ก็ได้ทราบเหตุการณ์ดังกล่าวในเวลา ไล่เลี่ยกันหลังทราบทุกหน่วยต่างระดมสรรพกำลัง และอุปกรณ์ จนสามารถควบคุมเพลิงได้
ขณะที่ความเสียหายเบื้องต้นเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบ ยังไม่ทราบว่าเพลิงไหม้ลุกลามไปยังบริเวณใดของเรือบ้าง เบื้องต้นในเรืออุปกรณ์เครื่องไม้เครื่องมือ มูลค่าหลายล้านบาท โครงสร้างหลักด้านบนของเรือเสียหาย ต้องรอความชัดเจนเจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบ
จากการสอบถามผู้ที่เห็นเหตุการณ์ และจุดเกิดเหตุ คาดว่าต้นเพลิงเกิดจากห้องกัปตันเรือ หรือห้องสะพานเดินเรือ แล้วมีการต่อไฟฟ้าจากบนฝั่งไปใช้ในเรือ ซึ่งในเรือมีอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการใช้งานอย่างเช่น พัดลมแบตเตอรี่ แสงสว่าง คาดว่าน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร หรือบนเรืออาจจุดยากันยุง หรือเหตุผลอื่น
ขณะนี้กำลังตรวจสอบอยู่ว่าสาเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้เกิดจากอะไร แต่ต้นเพลิงเกิดจากสะพานเดินเรือ ห้องกัปตัน ขณะเดียวกันในส่วนของห้องเครื่องยังไม่ได้ลงไป แต่ไม่ได้ลุกลามลงด้านล่าง มีห้องอับเฉา โดยเพลิงไหม้อยู่ด้านบน ประเภทพวกอุปกรณ์รองนั่ง เสื้อชูชีพ ที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี
ในส่วนของการป้องกันไม่ให้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่ให้ลุกลามลงไปนั้นก็จะมีระบบเซฟตี้ต่างๆมีวาล์วมีระบบการล็อกการผลิตน้ำมีห้องแยกออกต่างหากจากห้องของเครื่องยนต์ซึ่งเป็นห้องที่มีระบบการปิดเปิดอะไรต่างๆป้องกันอยู่แล้วมีเป็นห้องของน้ำมันเชื้อเพลิงโดยเฉพาะ
หากเกิดเพลิงไหม้ระบบจะทำงานปิดวาล์วต่างๆ ไม่ให้อากาศเข้าได้ ก็จะเป็นมาตรการที่ควบคุมเพลิงได้ เรือลำนี้ตามใบอนุญาตจุนักท่องเที่ยวได้ 490 คน มีคนประจำเรือประมาณ 29 ถึง 30 คน ขณะที่เกิดเหตุเรือไม่ได้ใช้งานจอดอยู่
ขอบคุณภาพจาก : เหยี่ยวข่าว ภูเก็ต Newshawk Phuket