เปิดประวัติ ลีน่าจัง หลังเกิดดราม่า แพรรี่ถูกดึงวิกผม

09 เม.ย. 2566 | 14:57 น.
อัพเดตล่าสุด :09 เม.ย. 2566 | 15:18 น.

เปิดประวัติ ลีน่าจัง หรือ ลีน่า จังจรรจา หลังเกิดดราม่า ดึงวิกผมแพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร กลางรายการ ย้อนดูเส้นทางชีวิตลีน่าจัง ผู้เคยถูกเรียกว่าสีสันการเมือง ทุกสนามเลือกตั้ง

เป็นกระแสได้ตลอด สำหรับผู้หญิงมากสีสัน หลายฉายา "ลีน่าจัง" ล่าสุด ได้เกิดกระแสดราม่า เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมอีกครั้ง เมื่อลีน่าจังได้ดึงวิกผมของ แพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ในขณะถ่ายทำรายการ โดยไม่ได้นัดหมายมาก่อน สร้างความไม่พอใจกับแพรรี่ ถึงขั้นระบุว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่ให้เกียรติ และไม่ขอร่วมงานด้วย 

สำหรับประวัติของ "ลีนาจัง" นั้น ถือเป็นบุคคลที่ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ และมีเส้นทางชีวิตที่ไม่ราบเรียบเท่าใดนัก แม้ว่าเธอจะมีเป็นทั้งทนายความ และนักธุรกิจ เป็นประธานบริษัทขายส่งเครื่องสำอาง ชื่อร้าน ไฮโซไซตี้ ตั้งอยู่ที่ประตูน้ำเซ็นเตอร์ ก็ตาม

ลีน่าจัง ดึงวิกผมแพรรี่

ลีน่าจัง มีชื่อจริงว่า ลีนา จังจรรจา นามสกุลเดิม แซ่จัง เกิดวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2502 อายุ 64 ปี ที่มาของชื่อ "ลีน่าจัง" มาจากสื่อมวลชนตั้งให้ เมื่อครั้งออกมาเคลื่อนไหวขับไล่พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ หน้าธนาคารกรุงเทพ สีลม และหน้าทำเนียบรัฐบาล ในปี 2540 ต่อมา2547 เมื่อครั้งลงสมัครเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร จึงได้เปลี่ยนนามสกุลเป็น จังจรรจา เมื่อพ.ศ. 2547

ลีนาจัง จบการศึกษาระดับ ปริญญาตรีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้เปิดมูลนิธิ ลีน่า จัง เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2545 มีวัตถุประสงค์เพื่อ ช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายแก่ผู้ยากไร้และไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทน ,เผยแพร่ความรู้และให้คำปรึกษาทางกฎหมายแก่ประชาชนทั่วไป ฝึกอบรมและส่งเสริมการศึกษา ,ส่งเสริมวัฒนธรรม ,ดำเนินการสาธารณประโยชน์หรือร่วมมือกับองค์การกุศลอื่นๆเพื่อสาธารณประโยชน์ และไม่ดำเนินการเกี่ยวข้องกับการเมืองใดๆ โดยมูลนิธิมีทุนเริ่มแรกเป็นเงินสด จำนวน 200,000 บาท

ลีน่าจัง

บทบาททางการเมือง

ลีน่าจัง เคยร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองในการขับไล่พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี โดยแต่งกายฉูดฉาด เพราะต้องการเป็นจุดสนใจ ต่อมาลีน่าจังได้ลงสมัครในสนามการเมืองในหลากหลายตำแหน่ง รวมถึงการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือแม้กระทั่งการสมัครเป็นผู้ประกาศข่าวก็ตาม

พ.ศ. 2547 ลีน่าจัง ลงสมัครเป็นผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ครั้งแรก ได้หมายเลข 6 ในครั้งนั้นท้ายที่สุด ลีน่าจังได้ถูก คณะกรรมการการเลือกตั้งสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง(ใบแดง) หลังจากปรากฎหลักฐานชัดเจนว่าระหว่างการหาเสียงที่บริเวณเซ็นเตอร์พ้อยท์ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2547 ลีน่าจัง ได้มีการกระทำการในลักษณะจัดมหรสพหรือการรื่นเริง เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งถือว่าเป็นความผิดตามมาตรา 57 ( 3) ของพรบ.เลือกตั้งท้องถิ่น จากกรณี ว่าจ้างธิดาช้างมาเต้นท้ายรถกระบะออกหาเสียงบริเวณสยามสแควร์ พร้อมประกาศสโลแกน เป็นทำนองเพลงเดียวกับการ์ตูนจ๊ะทิงจา ว่า "ลีน่า มาจ๊ะจรรจา มาจ๊ะจรรจา มาจ๊ะ"

พ.ศ. 2549 ลีนาจัง ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา หมายเลข 142 กรุงเทพมหานคร แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง

พ.ศ. 2550 ลีน่าจัง ประสงค์จะลงสมัครส.ส. จึงได้เข้าเป็นสมาชกพรรคมัชฌิมาธิปไตย แต่พรรคไม่สนับสนุน ลีนาจึงฟ้องเรียกร้องค่าเสียหาย 5 ล้านบาทจากประชัย เลี่ยวไพรัตน์ หัวหน้าพรรค ซึ่งศาลได้ยกฟ้อง จึงย้ายไปลงสมัครในนามพรรคพลังแผ่นดินไทย แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง

พ.ศ. 2551 ลีนาจัง ลงสมัครเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอีกครั้ง ได้หมายเลข 7 มีเหตุการณ์เดินตกคลองแสนแสบ และยังเกิดเหตุทีมงานหาเสียงจมน้ำเสียชีวิต จากการลงพื้นที่หาเสียงบริเวณริมคลองสามวาตะวันตก หมู่ที่ 3 โดยให้ทีมงานก็ลงไปว่ายน้ำที่บริเวณคลองดังกล่าว ซึ่งกว้างประมาณ 20 เมตร และลึกประมาณ 4 เมตร 

พ.ศ. 2552 ลีนาจัง ลงเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครอีก หลังการลาออกของอภิรักษ์ โกษะโยธิน ลีนา ได้หมายเลข 3 แต่ก็ไม่ได้รับเลือกตั้ง

ลีน่าจัง

พ.ศ. 2557 ลีนาจัง ได้ลงสมัคร ส.ว. กรุงเทพฯ หมายเลข 3 และติดป้ายประกาศหาเสียงว่าจะลดกองทุนน้ำมันลงและจะประกาศราคาน้ำมันเบนซินลิตรละ 20 บาท ทำให้ศาลฎีกา แผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี ฐานกระทำผิดกระทำการหาเสียงเลือกตั้ง ฝ่าฝืน พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว.

ลีน่าจัง เคยถูกทำร้ายร่างกายจนตกเป็นข่าวถึง 2ครั้ง โดยครั้งแรก เมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2556 ได้ถูกชายฉกรรจ์ สาดปลาร้าใส่ขณะนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ภายในห้างอินทราสแคร์ ย่านประตูน้ำ และอีกครั้งเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558 ลีน่าจัง ถูกชายฉกรรจ์บุกตบหน้าขณะกำลังเปิดประตูเหล็กหน้าบ้านย่านประตูน้ำ