ความคืบหน้ากรณีพบศพ นางสาวสุพิชชา ปรีดาเจริญ หรือ จีจี้ อายุ 20 ปี เน็ตไอดอลชื่อดัง และ นตท.ภูมิพัฒน์ ชัยวณิชยา ถูกยิงเสียชีวิตอยู่ภายในห้องพักของคอนโดมิเนียมหรูแห่งหนึ่งย่านอโศก-เพชรบุรี
ล่าสุด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ออกมาเปิดเผยว่า เบื้องต้นผลน่าจะยังไม่ออกมา แต่จากการดำเนินการสอบสวนสันนิษฐานว่า มีคนเข้าไปในที่เกิดเหตุได้แค่ 2 คน จึงเชื่อว่าน่าจะเกิดจากฝ่ายชายใช้อาวุธและมีการฆ่าตัวตาย คงไม่มีประเด็นอื่น
“แต่จะดูเรื่องผลพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) และผลนิติวิทยาศาสตร์ให้ครบ ส่วนคราบเขม่าดินปืนจะต้องรอผลในภาพรวมอีกครั้ง นี่เป็นผลสันนิษฐานเบื้องต้นจากการสอบสวน จากกล้องและพยานอื่นๆ ไม่มีใครเข้าไปได้” ผบ.ตร.ระบุ
คดี“จีจี้”ตร.ไล่วงจรปิดละเอียด
ด้าน พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.) เปิดเผยว่า คดีนี้ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 ได้ตั้งทีมสืบสวนสอบสวนใหม่ เนื่องจากทั้งคู่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลชันสูตร แล้วต้องเอามารวมกับหลักฐานต่างๆที่พบในที่เกิดเหตุ วิถีกระสุน-ทิศทางกระสุน รวมถึงแวดล้อมต่างๆ
เบื้องต้นจากการที่ พฐ. ได้ตรวจดูทิศทางกระสุน คาดว่า ฝ่ายชายน่าจะเป็นคนก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม ต้องรอทาง พฐ. สรุปวิถีกระสุนก่อน ส่วนภาพกล้องวงจรปิด อยู่ระหว่างการตรวจสอบอย่างละเอียด
แต่เท่าที่ย้อนเวลากลับไปดูไทม์ไลน์ เบื้องต้นมีข้อมูลจากเพื่อนของฝ่ายหญิงว่า ทั้งคู่ได้ไปเที่ยวพัทยากันในช่วงวันสงกรานต์ ก่อนจะกลับเข้ามายังที่พัก แต่ในส่วนวันที่ 18-19 เมษายน ที่ผ่านมานั้น ยังไล่ภาพกล้องวงจรปิดกันอยู่
“ห้องพักที่เกิดเหตุเป็นของฝ่ายหญิง เวลาที่ฝ่ายหญิงกลับเข้าห้องพักแล้ว ส่วนใหญ่ฝ่ายหญิงจะไม่ค่อยสื่อสารกับเพื่อน เพราะเพื่อนจะไม่สนิทและไม่ค่อยลงรอยกับฝ่ายชาย จึงไม่แน่ชัดว่า ช่วงวันที่กลับเข้ามาที่ห้องพัก ทั้งคู่หรือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เข้า-ออกไปไหนกันอีกหรือไม่อย่างไร”
พล.ต.ท.ธิติ กล่าวด้วยว่า หลังจากเก็บหลักฐานกล้องวงจรปิด และผลสรุปของแพทย์แล้ว จะนำไปประกอบกับข้อมูลของทางนิติคอนโด การติดต่อสื่อสารกับบุคคลอื่น ข้อมูลแวดล้อม โดยเฉพาะครูของฝ่ายชาย เพื่อที่จะเอามาเชื่อมโยงข้อมูลการก่อเหตุ
ทั้งนี้ยืนยันว่า คดีนี้ไม่ซับซ้อน และขณะนี้ยังไม่ตัดประเด็นใดทิ้ง รวมถึงยังอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนว่ามีตัวละครเพิ่มหรือไม่ ส่วนเบื้องต้นจากการชันสูตรศพของแพทย์ พบว่า ทั้งคู่เสียชีวิตมาประมาณ 8-24 ชั่วโมง
“ประเด็นเรื่องปืนที่ใช้ก่อเหตุ เบื้องต้นพบว่า เป็นของฝ่ายชาย โดยจากเท่าที่ตรวจสอบน่าจะเป็นของคนในครอบครัวของฝ่ายชาย และเป็นปืนที่ใช้ในอาชีพข้าราชการ ฝ่ายชายเองก็ไม่สามารถครอบครองอาวุธปืนได้อยู่แล้ว เพราะในทางกฎหมายผู้ที่ครอบครองปืนได้ในวัยเท่านี้ จะต้องได้รับการรับรองอย่างถูกต้องตามกฏหมายว่ามีคุณสมบัติครบถ้วน
ส่วนเจ้าของปืนจะมีความผิดหรือไม่ ต้องดูว่าเกี่ยวข้องไปในเรื่อง ของความประมาทหรือไม่ แต่กฎหมายยังไม่ได้ระบุ พร้อมยืนยันว่า คดีนี้ทำทุกอย่างในกรอบกฎกติกาของกฎหมาย”
ขณะที่ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอผลตรวจพิสูจน์ ทั้งผลชันสูตรร่างผู้เสียชีวิตจากแพทย์นิติเวช และผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ จาก พฐ. โดยเฉพาะเรื่องคราบเขม่าดินปืน ซึ่งได้เน้นย้ำไปแล้วว่าขอให้เร่งรัดในการดำเนินการ เพราะเป็นคดีที่สังคมสนใจ เพื่อให้ได้ความกระจ่างชัด
เบื้องต้นในที่เกิดเหตุ พบหัวกระสุนตกอยู่เพียง 1 นัด ซึ่งคาดว่าเป็นกระสุนที่ยิงทะลุศีรษะของผู้เสียชีวิตฝ่ายหญิง ส่วนหัวกระสุนที่ยิงผู้เสียชีวิตฝ่ายชาย คาดว่าถูกฝังอยู่ในศีรษะ แต่ต้องรอความชัดเจนจากผลแพทย์อีกครั้ง
เมื่อสอบถามว่าอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ สรุปแล้วเป็นของใคร รวมถึงจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วพบว่ามีบุคคลที่ 3 เข้าออกห้องช่วงเกิดเหตุหรือไม่ พล.ต.ต.อัฏธพร ตอบว่า ข้อมูลส่วนนี้อยู่ในสำนวนคดี ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่บอกได้เพียงว่า คอนโดมิเนียมที่เกิดเหตุ เป็นคอนโดมิเนียมหรูราคาแพงที่มีความเป็นส่วนตัวสูง และมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ค่อนข้างดี
ส่วนเมื่อวานนี้ที่ทางญาติของผู้เสียชีวิตฝ่ายหญิงได้เดินทางมาที่ สน.มักกะสันนั้น ก็ได้เซ็นเอกสารไม่ติดใจสาเหตุการตาย แต่ในกรณีนี้หมายถึงไม่ติดใจสาเหตุทางการตรวจพิสูจน์ว่า เสียชีวิตจากการถูกกระสุนปืนยิง เพื่อที่จะสามารถรับร่างจากโรงพยาบาลไปประกอบพิธีทางศาสนาได้
แต่จะติดใจสาเหตุของการถูกยิงหรือไม่นั้น เป็นคนละเรื่องกัน ซึ่งเมื่อวานทางญาติก็ได้มีการสอบถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า “ถ้าญาติเชื่อว่ามีบุคคลที่ทำให้จีจี้เสียชีวิต จะสามารถฟ้องร่วมกับอัยการได้หรือไม่”
“คดีนี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ลงมาสั่งการด้วยตนเอง ยืนยันได้ว่าจะทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีเรื่องของอิทธิพลมาเกี่ยวข้อง โดยตำรวจจะทำตามพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ที่พบในที่เกิดเหตุเป็นหลัก ทั้งหัวกระสุน คราบเขม่าดินปืน และกล้องวงจรปิด”
พล.ต.ต.อัฎธพร กล่าวอีกว่า ส่วนพยานบุคคลนั้นจากการสอบถามเบื้องต้นยังไม่พบผู้ที่ทราบเหตุการณ์ เนื่องจากห้องที่เกิดเหตุ อยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว และเมื่อเปิดห้องเข้าไปก็จะมีห้องโถงก่อน แล้วมีห้องนอนอยู่ชั้นในเข้าไปอีก ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่ภายในห้องนอน
อีกทั้งปืนที่ใช้ก่อเหตุ คือปืน SIG SAUER (ซิก ซาวเออร์) ซึ่งเป็นปืนที่มีเสียงเบากว่าปกติ เบากว่าประทัด ทำให้ไม่มีใครได้ยินเสียงปืนขณะยิง โดยจากการสอบถามนิติบุคคลคอนโดมิเนียม ก็บอกว่าไม่ได้รู้จักลูกบ้าน สามารถให้ข้อมูลได้แค่ไฟล์กล้องวงจรปิด
"ส่วนมูลเหตุจูงใจเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ส่วนตัว จากการตรวจสอบอาวุธปืนพบว่ามีทะเบียนถูกต้องเป็นของบิดาฝ่ายชาย ส่วนอาวุธปืนหลายกระบอกที่มีการโพสต์ลงในโซเชียลจะต้องเข้าไปตรวจสอบว่าเป็นของใครหรือไม่ จะต้องตรวจสอบให้ครบถ้วนภายในวันนี้"