นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ปัจจุบันกรมการขนส่งทางบก มีช่องทางในการให้บริการประชาชนสำหรับการชำระภาษีรถยนต์และรถจักรยานยนต์หลายช่องทาง โดยมีช่องทางการชำระภาษีออนไลน์ ซึ่งได้รับความนิยมจากประชาชนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นช่องทางที่มีความสะดวก และไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง
สำหรับยอดผู้ชำระภาษีรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ประจำปีงบประมาณ 2566 (ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2565 – 30 ก.ย. 2566) สามารถจัดเก็บภาษีรถทั่วประเทศ ได้จำนวนทั้งสิ้น 32,818,269 คัน รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 33,977,387,168.96 บาท แบ่งออกเป็นผู้ใช้บริการชำระภาษีรถประจำปีออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax, เว็บไซต์, เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำนวน 845,435 คัน
ส่วนการใช้บริการรับชำระภาษีรถประจำปี ณ สำนักงานขนส่งทั่วประเทศ มีผู้ใช้บริการจำนวน 27,300,796 คัน การใช้บริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) จำนวน 4,272,377 คัน การออกหน่วยเคลื่อนที่ จำนวน 381,874 คัน ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 7,916 คัน ชำระผ่านธนาคาร จำนวน 9,871 คัน
ขณะที่ผู้ที่ชำระภาษีรถประจำปีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax เรียบร้อยแล้วสามารถเลือกให้จัดส่งเครื่องหมายการเสียภาษีและใบเสร็จรับเงินทางไปรษณีย์ ซึ่งจะได้รับภายใน 5 วันทำการนับจากวันชำระเงิน หรือเลือกพิมพ์เครื่องหมายการเสียภาษีด้วยตนเองที่ตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) ภายในสำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 ก็ได้
ในระหว่างที่รอรับเอกสารระบบจะแสดงหลักฐานการชำระภาษีรถประจำปีชั่วคราวเพื่อให้เจ้าของรถสามารถใช้เป็นหลักฐานแสดงการชำระภาษีจนกว่าจะได้รับเครื่องหมายการเสียภาษีประจำปีจากกรมการขนส่งทางบก
นอกจากนี้กรมการขนส่งทางบกแนะนำผู้ที่ต้องการชำระภาษีรถประจำปีสามารถชำระล่วงหน้าได้ก่อนครบอายุภาษี 90 วัน ทั้งนี้ รถยนต์อายุการใช้งานเกิน 7 ปี รถจักรยานยนต์อายุการใช้งานเกิน 5 ปี รวมถึงรถที่ค้างชำระภาษีเกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี สามารถนำรถเข้าตรวจสภาพ ณ สถานตรวจสภาพรถเอกชนก่อนชำระภาษีล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์