วันพ่อแห่งชาติ ของประเทศไทย จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2523 โดยคุณหญิงเนื้อทิพย์ เสมรสุต นายกสมาคมผู้อาสาสมัครและช่วยการศึกษา เป็นผู้คิดริเริ่มกำหนดให้ตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2470 ซึ่งเป็น วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของในหลวงรัชกาลที่9 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รัก เป็นศูนย์รวมจิตใจของปวงพสกนิกร ตลอดพระชนม์ชีพทรงประกอบพระราชกรณียกิจอันมีคุณอเนกอนันต์ต่อประเทศชาติและประชาชนของพระองค์
วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี จึงเป็น "วันพ่อแห่งชาติ" เพื่อเทิดทูนพระเกียรติและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 และให้ความสำคัญกับบทบาทของ “พ่อ” ที่มีต่อสถาบันครอบครัวและสังคมไทย โดยคณะรัฐมนตรีกำหนดวันพ่อแห่งชาติให้เป็นวันหยุดราชการประจำปีในประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ดอก "พุทธรักษา" เป็นดอกไม้สีเหลืองประจำวันพ่อแห่งชาติของประเทศไทยด้วย ดอกไม้ชนิดนี้ ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ประจำวันพ่อแห่งชาติ เนื่องจากมีสีเหลืองตรงกับสีวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของในหลวงรัชกาลที่ 9 (วันจันทร์) อีกประการหนึ่งคือ ชาวพุทธเชื่อว่า ดอกพุทธรักษาคือดอกไม้มงคล หมายถึงพระพุทธเจ้าปกป้องรักษา สอดคล้องกับชื่อของดอก “พุทธรักษา”
ส่วน “วันชาติไทย” ที่ในอดีตตรงกับวันที่ 6 เมษายน ซึ่งเป็นวันจักรีนั้น ยึดใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2463 จนกระทั่งถึงปี 2481 รัฐบาลในยุคสมัยของพระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) นายกรัฐมนตรีในเวลานั้น ได้เปลี่ยนมาใช้วันที่ 24 มิถุนายนของทุกปี เป็นวันชาติไทย โดยกำหนดให้วันดังกล่าว เป็นวันหยุดของประเทศไทยด้วย แต่ต่อมาในปีพ.ศ. 2503 รัฐบาลของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรี ได้ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ให้แทนที่ “วันชาติไทย” ด้วย “วันเฉลิมฉลองของชาติ” ซึ่งตรงกับวันที่ 5 ธันวาคม อันเป็นวันพระบรมราชสมภพของในหลวง ร. 9 เพื่อให้เป็นไปตามขนบประเพณีของประเทศที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และเป็นการรวมจิตใจของคนในชาติร่วมกัน
ภายหลังการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เมื่อปี 2559 พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่10 โปรดเกล้าฯ ให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร, วันพ่อแห่งชาติ และวันชาติไทย เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงอุทิศพระวรกาย พระราชหฤทัย และพระสติปัญญาของพระองค์ บำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันยังประโยชน์สุขให้แก่ราษฎรของพระองค์มาโดยตลอด
ดังนั้น ในปีพ.ศ. 2560 รัฐบาลของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น จึงได้ออกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 7 ก.พ. 2560 มีใจความว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ (รัชกาลที่ 10) มีพระราชโองการให้กำหนดวันที่ 5 ธันวาคม วันพระบรมราชสมภพของรัชกาลที่ 9 พระราชบิดา เป็นวันสำคัญของประเทศ 3 วัน คือ วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพของรัชกาลที่ 9 วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ
โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 6 ก.พ.2560 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ และตระหนักถึงความสำคัญของวันที่ 5 ธันวาคม
ในส่วนของกิจกรรมเนื่องในวันสำคัญ 5 ธ.ค.ปีนี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตในนามรัฐบาลดำเนินการจัดกิจกรรมเนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2566 เอาไว้ ดังนี้
ในการนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จึงขอเชิญชวนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณแสดงความจงรักภักดี และร่วมจัดกิจกรรมให้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ โดยจัดตั้งโต๊ะหมู่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมเครื่องราชสักการะ ตามอาคารสถานที่ของหน่วยงานและบ้านเรือน จัดทำคำกล่าวน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมนำเสนอภาพพระราชกรณียกิจเพื่อเผยแพร่ ทางเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ของหน่วยงาน ดำเนินการตลอดเดือนธันวาคม 2566
ที่มา : กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม,รัฐบาลไทย, มิวเซียมสยาม, กรมประชาสัมพันธ์