จากกรณีโรงงานเก็บสารเคมีไฟไหม้ของบริษัทบริษัท วิน โพรเสส จำกัด บ้านหนองพะวา ต.บางบุตร อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
ล่าสุดด้านนายทศพล บวรโมทย์ นายอำเภอบ้านค่าย เปิดเผยภายหลังประชุมทีมดับเพลิงที่เข้าระงับเหตุว่า เบื้องต้นได้มีการปรับแผนเข้าดับไฟที่ยังพบปะทุขึ้นมาอีกรอบ หลังฉีดน้ำสกัดไม่ได้ผล ภายในโรงงานพบว่า มีไฟปะทุขึ้นมา 2 จุด คือบริเวณโกดังที่ 5 และที่ 2 เจ้าหน้าที่ได้นำรถแบคโฮเข้าไปตักดินกลบ และฉีดน้ำเลี้ยง เพื่อเร่งดับไฟ เพราะว่าสารเคมีบางตัวไม่สามารถใช้น้ำดับได้ จึงจำเป็นต้องใช้ดินหรือทรายกลบ
ขณะที่บางโกดังที่สามารถใช้น้ำดับได้ก็จะใช้ ขณะนี้ไม่ต้องใช้โฟมดับแล้ว มีรถดับเพลิงใช้น้ำสนับสนุน 4 คัน จะให้จบและต้องไม่มีควัน เนื่องจากห่วงผลกระทบชาวบ้าน
นายอัธยา นวลอุทัย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดระยอง ระบุว่า จากเหตุเพลิงไหม้ วิน โพรเสส ตั้งแต่วันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา จนมีประชาชนได้รับความเดือดร้อน 1,700 คน 700 ครัวเรือน ในพื้นที่ ดังนี้ หมู่ที่ 1-11 ต.หนองบัว หมู่ที่ 1-12 ต.บางบุตร ดังนั้นปภ.ระยอง ได้ประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ประสบสาธารณภัยแล้ว
พ.ต.ท.วิรัตน์ เตชนันท์ รอง ผกก.(สอบสวน) และ ร.ต.อ.วิทยา บุญกุล รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.บ้านค่าย ได้ดำเนินการตั้งโต๊ะบริเวณศาลาวัดหนองพะวา ห่างจากโรงงานประมาณ 1 กม. โดยเรียกหัวหน้าคนงาน และคนงานของโรงงาน ซึ่งอยู่ในวันเกิดเหตุมาสอบสวนให้ปากคำ เพื่อเร่งสรุปหาสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ดังกล่าว
นายขจรพงศ์ ศิริวิสูตร วิศวกรชำนาญการ กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ตั้งข้อสังเกตว่า โกดังหมายเลข 5 ถูกระบุว่าเป็นโกดังต้นเพลิงของเหตุไฟไหม้ในครั้งนี้ ช่วงเวลาที่เริ่มเห็นกลุ่มควัน คือช่วงเวลาประมาณเกือบ 9.00 น ของวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งปกติแล้วอุณหภูมิจะยังไม่สูงมาก
ประเด็นดังกล่าวนี้ กรอ. ตั้งข้อสังเกตว่า หากสาเหตุของเพลิงไหม้มาจากอุณหภูมิที่ร้อนและสะสม ช่วงเวลาดังกล่าวอาจไม่สมเหตุสมผล รวมไปถึงกากอุตสาหกรรมที่อยู่ภายใน แม้จะเป็นน้ำมันที่ใช้แล้ว รวมสารเคมีกรดด่าง แต่ก็เป็นสารเคมีที่ติดไฟยาก
ส่วนจุดนี้มีการเก็บสารที่เป็นของเหลวไว้ในถังที่มิดชิด จึงยากที่จะติดไฟอีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญ คือการลุกลามของไฟจากโกดังต้นเพลิง ไปยังโกดังอื่นๆภายในโรงงาน แต่ละจุดมีถนนกั้นกลาง ซึ่งกว้างพอที่จะป้องกันการลามของไฟ จึงตั้งข้อสังเกต ว่าการลุกลามของเพลิงไหม้ผิดปกติ