จากกรณีที่เกิด"พายุฤดูร้อน"ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ ส่งผลกระทบหลายพื้นที่ ประชาชนประสบความเดือดร้อนในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ล่าสุด นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ได้เปิดเผยว่า กลุ่มเปราะบางคือกลุ่มเป้าหมายที่พม.ต้องให้ความคุ้มครองดูแลอย่างใกล้ชิด ดังนั้นจึงได้ให้ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชนจังหวัดอุตรดิตถ์ (ศรส.จ. อุตรดิตถ์) รายงานว่ามีพื้นที่ประสบภัยตรงจุดใดบ้าง
สำหรับข้อมูลล่าสุดที่ได้รับรายงาน มีพื้นที่ประสบภัย 9 อำเภอ 58 ตำบล 333 หมู่บ้าน 28 ชุมชน 6,541 ครัวเรือน 22,943 คน โดยมีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชาย อายุ 54 ปี และ 27 ปี
ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ศรส.จ.อุตรดิตถ์ ได้เร่งลงพื้นที่มอบเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น และพิจารณาให้ความช่วยเหลือเป็นเงินสงเคราะห์ครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละ 10,000 บาท ตามหลักเกณฑ์เงินสำรองจ่ายจังหวัดในการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติกรณีต่างๆ พ.ศ. 2564 มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ อีกทั้งวางแผนฟื้นฟูเยียวยาครอบครัวทั้งร่างกายและจิตใจ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ 6 พ.ค. 67
นอกจากนั้นแล้ว ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิภาพประชาชนจังหวัดแพร่ (ศรส.จ.แพร่) ได้รายงานว่า เกิดพายุฤดูร้อนในพื้นที่จังหวัดแพร่ด้วยเช่นกัน ซึ่งมีพื้นที่ได้รับความเสียหาย 7 อำเภอ 32 ตำบล 84 หมู่บ้าน โดยมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย จำนวน 293 หลังคาเรือน ในส่วนนี้มีบ้านที่ได้รับความเสียหายทั้งหลัง จำนวน 11 หลังคาเรือน
ทั้งนี้ ศรส.จ.แพร่ ได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบว่า มีครัวเรือนกลุ่มเปราะบางเป็นผู้สูงอายุที่อยู่ตามลำพังได้รับความเสียหายบางส่วนที่ควรได้รับการช่วยเหลือในการปรับสภาพที่อยู่อาศัย จำนวน 10 หลังคาเรือน และมีครัวเรือนที่มีคนพิการที่ควรได้รับการช่วยเหลือในการปรับสภาพบ้าน จำนวน 12 ครัวเรือน อีกทั้ง ศรส.จ.แพร่ ได้พิจารณาให้ความช่วยเหลือเป็นเงินสงเคราะห์ผู้ประสบปัญหาในกรณีฉุกเฉิน จำนวน 98 ครัวเรือน
นอกเหนือจากพม.ที่เร่งให้การช่วยเหลือแล้ว ในส่วนของจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยนายศิริวัฒน์ บุฟผาเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดฯได้แจ้งให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากพายุฤดูร้อน สามารถขอความช่วยเหลือเมื่อได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติ โดยมีรายละเอียดเงื่อนไขดังนี้
1.สำรวจความเสียหายของที่พักอาศัย
2.ถ่ายภาพความเสียหายเป็นหลักฐาน
3.นำหลักฐานสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายไปแจ้งที่ อบต./เทศบาลในพื้นที่ที่อาศัยอยู่