ฐานเศรษฐกิจ ได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากเจ้าของเฟซบุ๊ก “Tonaor Rachdaporn” หรือ นางสาวรัชดาภรณ์ ม่วงทำ ซึ่งได้โพสต์เตือนภัยให้ระวังมิจฉาชีพเปิดเฟซบุ๊กแฟนเพจ “Thailand International Airport” หรือ AOT ปลอม ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็น บริษัท การท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย จก.(มหาชน) หรือ ทอท.
โดยเจ้าของเฟซบุ๊ก “Tonaor Rachdaporn” ระบุว่า โดนจนได้ โพสต์เป็นอุทาหรณ์ นักข่าวโดนมิจฉาชีพหลอกให้ลงทุน (อ่านให้จบ) วันนี้ใจดีมีสติพอจะเรียบเรียงเรื่องราวได้แล้ว
เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2567 เวลาประมาณ 09.57 น. ขณะที่เรากำลังทำงาน เปิดหาข้อมูลในเฟซบุ๊ก ติ๊กต็อก ระหว่างนั้นก็มี Thailand International Airport เด้งมาหน้าฟีด ติดประกาศรับสมัครพนักงานจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์จำนวนมาก แล้วด้วยความที่เราอยากหารายได้พิเศษทำหลังเลิกงาน ก็เลยลองทักไปสอบถามรายละเอียด ก็มีแอดมินเพจพูดคุย บอกว่าสมัครฟรี ก่อนจะบอกให้เราติดต่อไปคุยกับเจ้าหน้าที่ผ่านไลน์
เราก็ทักไปพูดคุยตามที่แจ้ง ซึ่งเป็นการค้นหา ID คือเลี่ยงการกดลิงค์ เจ้าของ ID ไลน์ ก็ตอบกลับเร็วมาก จากนั้นก็ให้เราลงทะเบียนผ่านเว็ป
ลิงค์ลงทะเบียน ที่มันหลอกให้กรอก
จากนั้นเขาก็ถามชื่อ-เบอร์โทร-อายุ-งานที่ทำ แล้วเขาก็ให้เริ่มทดลองงานจองตั๋วออนไลน์ แต่ให้โอนเงินเป็นทุนประกัน 100 บาท (คือเราคิดว่ามันไม่มาก) ก็เลยโอนเข้าระบบ ก็ทดลองจองตั๋วไป ก็มีเงินเพิ่มมา 20 บาท จากนั้นเขาให้เราถอนออกมาให้หมด โดนทำงานผ่านลิงค์
พอเราผ่านงาน เขาก็โยนให้ไปคุยกับหัวหน้าแผนก (ทำงานเป็นขั้นตอนมาก) โดยการโยนชื่อติดต่อในไลน์ ที่ไม่ได้ให้ไอดี แต่เราสามารถกดในไลน์แอดเพื่อนได้เลย ชื่อพีระวุฒิ ศิริทองถาวร พร้อมให้โอนเป็นทุนประกัน 500 บาท (นี่ก็คิดว่ามันไม่มาก)
ก็เริ่มทดลองงานจองตั๋วไป 3 คน พอคนที่ 2 ยอดเงินจองตั๋วไม่พอ ต้องโอนไปเพิ่ม 80 บาท (ก็ไม่ได้มาก) พอครบคนที่ 3 จบงาน เขาก็พาถอนออกจากระบบด้วยเงิน 842 บาท ซึ่งเราเห็นว่าได้เงินจริง พอถอนออกมาปุ๊บ คนชื่อพีระวุฒิ ก็ชวนเราเริ่มงานต่อ แต่ต้องฝากเงินประกันไปเพิ่ม ซึ่งเขาให้เรทมา
เรททุนค่าประกัน
เราก็เลือกทุนประกัน 500 ประมาณว่าถ้าโดนหลอก ก็แค่ 500 บาท ด้วยจำนวนการจองตั๋ว 8 คน คนแรกก็ผ่านสบาย แต่มันไม่หยุดเพียงเท่านี้ พอจองตั๋วไปเรื่อยๆ เงินทุนเราไม่พอ ก็ต่องโอนไปอีก 1,600 กว่าบาท (ใจก็คิดว่ากูโดนหลอกแน่ แต่ก็ยังโอนไป) พอจองไปอีกเงินทุนไม่พอก็ต้องโอนไปอีก 6,000 กว่าบาท (ก็คิดเหมือนเดิมกูโดนเข้าให้แล้ว แต่ก็โอน)
พอคนสุดท้ายที่จะต้องปิดงาน แต่ยอดทุนไม่พอ หักลบแล้วต้องโอนไปเพื่มอีก 26,577.60 บาท (ก็ยังโอนอยู่นะ) พอโอนไปปุ๊บ มันบอกเราทำผิดเงื่อนไข ไม่มีบันทึกช่วยจำว่าปิดงาน ต้องโอนไปใหม่ยอดเดิม (ก็โv่เชื่อเขา) ก็โอนไปใหม่ พร้อมบันทึกช่วยจำว่า 'ปิดงาน' ก็ทำตามทุกอย่าง พร้อมถามว่าแค่นี้จบใช่ไหม มันก็ส่งมาบอกว่า ถ้าจะถอนออก ต้องโอนไปอีกในยอด 26,577.60 บาท เพื่อไปปิดบิลจำนวน 2 บิล ซึ่งเราปิดไปแล้ว 1 บิล เหลืออีก 1 บิล จึงจะพาทำการถอนเงิน
เราโอนยอด 26,577.60 บาท ไปแล้ว 2 รอบ โดยยอดที่ 2 เราโอนไปเวลา 14.53 น. แต่มันให้โอนไปอีกรอบ สุดท้ายเราไม่ยอมตกเป็นเหยื่อ (คือคิดได้ตอนจะหมดบัญชี) ในขณะที่คุยกับมันเพื่อจะให้โอนยอดที่ 3 เราก็โทรไปที่ธนาคารเพื่ออายัดบัญชี พร้อมไปแจ้งความออนไลน์ และโทรประสานทุกทาง ทั้งเพื่อนที่มีแหล่งข่าว สอท. /DSI ที่เรารู้จักเพื่อปรึกษา รวมเงินที่เสียไปทั้งหมด 61,334.70 บาท
"งานง่ายๆไม่มีอยู่จริง อย่างที่หลวงพ่อคูณบอก ถ้าไม่เสียเหงื่อไม่ได้เงินหรอก"
นางสาวรัชดาภรณ์ เปิดเผยกับฐานเศรษฐกิจว่า จากนั้นตำรวจก็ดำเนินการลงบันทึกเรื่อง พร้อมส่งอายัดบัญชีไปที่ธนาคาร เนื่องจากว่าธนาคารอายัดบัญชีไว้ได้เพียง 72 ชม. พอแจ้งความออนไลน์ และปรึกษาผู้การ สอท. ระหว่างนั้นก็มีการค้นหาชื่อเจ้าของบัญชีที่โอนเงินไปในเฟซบุ๊ก โชคดีไปค้นเจอชื่อนายณัฐพงศ์ ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีที่โอนยอด 26,577.60 บาททั้ง 2 ยอด ก็มีทักไปสอบถามพูดคุย เขาบอกไม่รู้เรื่อง ไม่ได้เคยเปิดบัญชีให้ใคร ก็เลยแนะนำให้เขาโทรไปสอบถามทางธนาคารว่ามียอดเงินโอนเข้าบัญชีหรือไม่
เพราะเราส่งหมายเลขบัญชีธนาคาร ให้ตรวจสอบ ปรากฎว่าเขาแจ้งกลับมาว่ามีเงินเหลือในบัญชีจำนวน 37,014 บาท กำลังจะถูกโอนออก แต่บัญชีถูกอายัดก่อน พร้อมขอให้เราถอนอายัดเพื่อที่จะได้โอนเงินกลับคืนมาให้ ส่วนที่เหลือจะหามาคืนให้ครบ
เลยแนะนำให้เขาไปพบร้อยเวร สภ.ที่เขาอยู่ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ เพราะเราถอนอายัดไม่ได้ ตอนนี้เรื่องอยู่ที่ตำรวจ ต้องให้ตำรวจดำเนินการ ซึ่งตามบัตรประชาชนที่ตำรวจเช็กได้ เขาอยู่ จ.ราชบุรี ใส่ชุดทหารถ่ายบัตรประชาชน
จากนั้นก็นำข้อมูลที่คุยกับนายณัฐพงศ์ ไปปรึกษาตำรวจ ทางตำรวจบอกว่าขณะนี้อยู่ระหว่างรอสเตจเมนต์จากทางธนาคาร เพื่อจะทราบตัวเจ้าของบัญชีที่แท้จริง เนื่องจากคนที่ชื่อณัฐพงศ์ มี 2 คนที่ชื่อและนามสกุลเดียวกัน เพื่อจะออกหมายเรียกบุคคลที่เป็นเจ้าของบัญชีให้มารับทราบข้อกล่าวหา และไกล่เกลี่ยคืนเงินให้เรา