ถอดรหัสห้อง 502 ความสัมพันธ์ "6+1 ชาวเวียดนาม" กับปมเงินลงทุน 10 ล้าน

17 ก.ค. 2567 | 09:46 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ก.ค. 2567 | 10:19 น.

ถอดรหัสความสัมพันธ์ เหตุการณ์ในห้อง 502 ณ โรงแรมหรูย่านราชประสงค์ กทม. ที่มีผู้เสียชีวิต 6 ราย เป็นชาวเวียดนามและเวียดนามสัญชาติอเมริกัน และอีก 1 รายที่เดินทางกลับก่อน กับปมนัดเคลียร์เงินลงทุนจำนวน 10 ล้านบาท

วันนี้ (17ก.ค.67) มีการประชุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามความคืบหน้าคดีการตายของนักท่องเที่ยว 6 ราย ที่โรงแรมหรูย่านราชประสงค์ กรุงเทพมหานคร นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สพฐ., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5, พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พร้อมเจ้าหน้าที่จาก บก.สส.บช.น., กก.สส.บก.น.5 และสืบสน.ลุมพินี 

ถอดรหัสห้อง 502 ความสัมพันธ์ \"6+1 ชาวเวียดนาม\" กับปมเงินลงทุน 10 ล้าน

ภายหลังการประชุมกว่า 1 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น พล.ต.ต.นพศิลป์ เปิดเผยว่า การตรวจสอบการเดินทางเข้าออกและประวัติการเข้าพักที่โรงแรมของบุคคลทั้ง 6 พบไทม์ไลน์การเดินทางเข้าออกประเทศไทยของบุคคลทั้ง 6 คน ที่เสียชีวิตและคนที่ 7 ที่มีการจองโรงแรมล่วงหน้าแต่ไม่มีการเข้าพักเป็นน้องสาวของหนึ่งในผู้เสียชีวิตที่เดินทางเข้ามาพร้อมกันวันที่ 4 ก.ค. และกลับไปเมืองดานังวันที่ 10 ก.ค. จึงยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ 

จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุพบว่าผู้เสียชีวิตเช็คอินที่โรงแรมด้วยตัวเองทุกคน และไม่มีบุคคลแปลกปลอมเข้ามาพักร่วมด้วย จนกระทั่งวันที่ 16 ก.ค. เวลา 16.30 น. พนักงานโรงแรมตรวจสอบ “ห้อง 502” เนื่องจากเลยเวลาเช็คเอาท์ พบว่าห้องล็อกจากข้างใน จึงให้ รปภ. เข้าตรวจสอบจากทางหลังห้องซึ่งไม่ล็อกไว้ ทำให้พบศพทั้งหมด 6 ราย

พนักงานโรงแรมยืนยันว่า วันที่ 15 ก.ค. ผู้เข้าพักในห้อง 502 สั่งอาหารจำนวนหนึ่ง ได้แก่ ข้าวผัด 5 จาน ต้มยำกุ้ง 4 จาน ผัดผักรวม 4 จาน ผัดผักบุ้ง 1 จาน และชา 2 กระติก พร้อมแก้วน้ำชา 6 ใบ 

ถอดรหัสห้อง 502 ความสัมพันธ์ \"6+1 ชาวเวียดนาม\" กับปมเงินลงทุน 10 ล้าน

หลังจากนั้นสั่งอาหารเพิ่มอีก 1 จาน และกำชับให้นำส่งที่ห้อง 502 เวลา 14.00 น. พนักงานนำอาหารชุดแรกส่งเวลา 13.51 น. พบ “เชอรีน ชอง อายุ 56 ปี ชาวเวียดนามสัญชาติอเมริกัน เจ้าของห้องอยู่ในห้องเพียงคนเดียว พนักงานเสนอจะชงชาให้แต่ถูกปฏิเสธ

“ขณะที่พนักงานนำอาหารและเครื่องดื่มมาส่ง พนักงานยืนยันนำอาหารไปวาง และพนักงานขอชงชาให้ แต่หญิงดังกล่าวบอกว่าจะจัดการเอง”

พนักงานออกจากห้องเวลา 13.57 น. หลังจากนั้นเวลา 14.17 น. ผู้เสียชีวิตคนอื่นๆ นำกระเป๋าเดินทางเข้าไปในห้อง ซึ่งจากภาพวงจรปิดหลังจากนั้น “ไม่พบว่ามีใครเดินออกมาจากห้องอีกเลย” 

ผลการตรวจสอบสารเบื้องต้นพบว่าในแก้วน้ำชาทั้ง 6 ใบมีสารไซยาไนด์ เชื่อว่า 1 ใน 6 ของผู้เสียชีวิตเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ โดยใช้สารดังกล่าว ซึ่งกำลังตรวจสอบว่ามีการนำเข้าหรือซื้อในประเทศไทย.

ถอดรหัสห้อง 502 ความสัมพันธ์ \"6+1 ชาวเวียดนาม\" กับปมเงินลงทุน 10 ล้าน

นอกจากนี้ในการแถลงของตำรวจยังเปิดเผยข้อมูลความสัมพันธ์ของบุคคลที่ 6 คน ที่เสียชีวิต รวมถึงอีก 1 คน ที่เดินทางไปกลับไปก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 

โดยข้อมูลการสืบสวนพบว่า ทั้ง 6 ราย มีความเกี่ยวข้องในเรื่องของการลงทุนในธุรกิจสร้างโรงพยาบาลมูลค่า 10 ล้านบาท ที่ประเทศญี่ปุ่น

ข้อมูลรายละเอียดของผู้เสียชีวิตพบความเชื่อมโยงดังนี้

  1. เจ้าหนี้ คือ คู่สามีภรรยา นางสาวธิ เหงียน เฟือง อายุ 46 ปี ชาวเวียดนาม และ นายฮง ฟาม ธาน อายุ 49 ปี ชาวเวียดนาม) 
  2. ลูกหนี้ คือ นางสาวธิ เหงียน เฟือง ลาน อายุ 47 ปี  ชาวเวียดนาม สามีของเธอ คือ MR.TIEN THANG PHAM ซึ่งติดธุระอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ 
  3. ผู้ค้ำประกัน คือ นางสาวเชอรีน ชอง อายุ 56 ปี ชาวเวียดนามสัญชาติอเมริกัน และเป็นเจ้าของห้อง 502 สถานที่เกิดเหตุ
  4. ยังไม่ทราบความเชื่อมโยง 2 คน คือ นายดิน ซาน ฟู 37 ปี ชาวเวียดนาม ซึ่งเป็นช่างแต่งหน้าชื่อดัง และ นายฮุง ดัง วาน อายุ 55 ปี ชาวเวียดนามสัญชาติอเมริกัน ที่ยังไม่ชัดเจนถึงความเชื่อมโยงเช่นกัน

ถอดรหัสห้อง 502 ความสัมพันธ์ \"6+1 ชาวเวียดนาม\" กับปมเงินลงทุน 10 ล้าน

สรุปเหตุการณ์

ข้อมูลจากตำรวจระบุว่า นางสาวเชอรีน ชอง เป็นผู้จองห้องพักและมีสถานะเป็นผู้ค้ำประกันที่จัดการเรื่องเงินลงทุน ในวันเกิดเหตุอยู่ในห้องคนเดียว ขณะที่ผู้เสียชีวิตอีก 5 คนเข้าห้องไปแล้วไม่พบใครออกมาอีก

ซึ่งข้อมูลในชั้นสอบสวนสันนิษฐานว่า นางสาวเชอรีน ชอง อาจเป็นผู้ลงมือวางยาฆ่า 5 คน และตนเองเป็นคนสุดท้าย 

ถอดรหัสห้อง 502 ความสัมพันธ์ \"6+1 ชาวเวียดนาม\" กับปมเงินลงทุน 10 ล้าน

ความสัมพันธ์ธุรกิจ:

นางสาวเชอรีน ชอง ในฐานะผู้คำประกัน เป็นผู้ชักชวน นางสาวธิ เหงียน เฟือง และสามี มาลงทุนสร้างโรงพยาบาลในญี่ปุ่น เนื่องจากเจ้าหนี้ไม่เห็นความคืบหน้าของเงินลงทุนประมาณ 10 ล้านบาท จึงต้องการเคลียร์หนี้สิน และเลือกเดินทางมาประเทศไทยเพื่อทำการเจรจาแทนการเดินทางไปญี่ปุ่นเนื่องจากติดปัญหาด้านวีซ่าและระยะทางใกล้กว่า ทำให้พวกเขาตัดสินใจมาที่ประเทศไทย

 

ไขปริศนาคนที่ 7 ที่กลับก่อน

ส่วนกรณีที่มีข้อมูลว่า มีการจองโรงแรมเพื่อเข้าพัก 7 คนนั้น จากการตรวจสอบของ ตม. พบว่า คนที่ 7 เป็นน้องสาวของนางสาว ธิ เหงียน เฟือง ลาน (ลูกหนี้) ซึ่งเดินทางเข้าไทยมาพร้อมกับพี่สาวเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม แต่เดินทางกลับไปก่อนแล้วเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ซึ่งทาง ตม. อยู่ระหว่างประสานเพื่อสอบถามสาเหตุของการเดินทางกลับก่อน และประสานทางการเวียดนามต่อไป