อัปเดตพายุจ่ามี-กองเร็ย กระทบไทยจังหวัดไหน เช็คพื้นที่เสี่ยงภัยฝนตกหนัก

26 ต.ค. 2567 | 02:45 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ต.ค. 2567 | 03:18 น.

กรมอุตุนิยมวิทยา​ อัปเดตเส้นทาง​พายุโซนร้อนจ่ามี -​กองเร็ย เช็คเลยกระทบไทยมีฝนตกหนัก ลมแรง จังหวัดไหนบ้าง

กรมอุตุนิยมวิทยา​อัปเดตสถานการณ์พายุเวลา 04.00 น. (26/10/67) พายุโซนร้อนกำลังแรง "จ่ามี(TRAMI)" บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตกเข้าใกล้ทางตอนใต้ของเกาะไหลหลำ ประเทศจีน และพายุนี้จะเข้าเคลื่อนเข้าสู่ชายฝั่งทางด้านตอนกลาง(ใกล้บริเวณเมืองดานัง)ของประเทศเวียดนาม พายุนี้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย

 

อัปเดตพายุจ่ามี-กองเร็ย กระทบไทยจังหวัดไหน เช็คพื้นที่เสี่ยงภัยฝนตกหนัก

 

เนื่องจากยังมีมวลอากาศเย็นแผ่ลงมาปกคลุมทางด้านหน้าของพายุ ในช่วง 26 - 28 ต.ค.67 อาจจะส่งผลกระทบทำให้ประเทศไทยมีเมฆเพิ่มขึ้น ฝนตกหนักบางแห่ง กับมีลมแรง โดยเฉพาะทางด้านตะวันออกของภาคอีสาน (จ.สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ ยโสธร อุบลราชธานี ศรีสะเกษ) ตามแนวขอบของพายุ

ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก กทม.และปริมณฑล จะมีฝนเพิ่มขึ้นในวันที่ 27 ต.ค.67 เป็นฝนฟ้าคะนองเล็กน้อยถึงปานกลาง จากอิทธิพลของลมที่ตะวันตก ตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมที่มีกำลังแรงขึ้น สำหรับภาคใต้ยังต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักโดยเฉพาะด้านฝั่งอันดามันด้านรับลม

ในช่วงที่พายุเคลื่อนเข้ามาใกล้ชายฝั่งเวียดนาม ก่อนที่อากาศทั่วไทยจะเริ่มเย็นลง ช่วงวันที่ 30 ต.ค.67 เป็นต้นไป แต่ยังมีฝนปนอากาศเย็น หลังจากนั้นพายุจะเคลื่อนตัววกกลับไปในทะเลจีนใต้ จากแรงดึงดูดของพายุโซนร้อน "กองเร็ย" ที่เคลื่อนตัวในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกและมวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมา ก่อนที่จะอ่อนกำลังลง ซึ่งยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

อนึ่งกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเรื่อง พายุ “จ่ามี” ฉบับที่ 7 เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (26 ต.ค. 2567) พายุโซนร้อนกำลังแรง “จ่ามี” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 400 กิโลเมตร ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะไหหลำประเทศจีน มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 17.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 113.9 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 92 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 26–28 ต.ค. 67 โดยพายุนี้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย แต่จะทำให้มีลมฝ่ายตะวันตก ลมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดเข้าหาศูนย์กลางของพายุมีกำลังแรงขึ้น ประกอบกับมีแนวพัดสอบของลมตะวันตกเฉียงเหนือจากทะเลอันดามันและลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก กับมีลมแรงในช่วงวันดังกล่าว หลังจากนั้นพายุจะเปลี่ยนทิศทางเคลื่อนตัวออกห่างจากชายฝั่งประเทศเวียดนามกลับไปทางทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง

ลมตะวันตกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ในช่วงวันที่ 26–29 ต.ค. 67 ทำให้ภาคใต้มีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย

จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากมีดังนี้

ในวันที่ 26 ตุลาคม 2567 

  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดเลย ชัยภูมิ นครราชสีมา อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
  • ภาคกลาง: จังหวัดลพบุรี และสระบุรี
  • ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
  • ภาคใต้: จังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล  

ในวันที่ 27 ตุลาคม 2567 

  • ภาคเหนือ: จังหวัดพิษณุโลก และเพชรบูรณ์
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดสกลนคร นครพนม มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา สุรินทร์ศรีษะเกษ และอุบลราชธานี
  • ภาคกลาง: จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา นครปฐม สมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
  • ภาคตะวันออก: จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
  • ภาคใต้: จังหวัดระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล 

ในวันที่ 28–29 ตุลาคม 2567 

  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จังหวัดมุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี
  • ภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสงคราม สมุทรสาคร รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
  • ภาคตะวันออก: จังหวัดระยอง จันทบุรี และตราด
  • ภาคใต้: จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล 

 

สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย

จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง