รัฐบาลไทยและจีนเห็นชอบให้อัญเชิญ "พระเขี้ยวแก้ว" จากกรุงปักกิ่งมาประดิษฐานชั่วคราวที่ท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ถึง 14 กุมภาพันธ์ 2568 รวม 73 วัน
เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะ ในโอกาสเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระราชพิธีมหามงคลพระชนมพรรษา 6 รอบ และเพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีนครบรอบ 50 ปีฃ
วันที่ 29 ต.ค. 67 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ได้รับทราบเรื่องการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานที่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว
โดยการอัญเชิญครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2545 ที่พุทธมณฑล ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหกครั้งที่พระเขี้ยวแก้วประดิษฐานนอกประเทศจีน
นายจิรายุ กล่าวด้วยว่า การอัญเชิญในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันเป็นสิริมงคลยิ่งสำหรับพุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย โดยไม่ต้องเดินทางไกลถึงประเทศจีน อีกทั้งยังเป็นการสานต่อมิตรภาพระหว่างไทยและจีนผ่านสายสัมพันธ์ทางพระพุทธศาสนา
นายจิรายุ กล่าวเสริมว่า รัฐบาลได้จัดพิธีบวงสรวงการสร้างมณฑปประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วในวันที่ 30 ตุลาคม 2567 ณ ท้องสนามหลวง โดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
การอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วในครั้งนี้จะช่วยย้ำถึงความเป็นมิตรที่ยาวนานระหว่างสองประเทศ โดยเฉพาะในแง่มุมของศาสนาและวัฒนธรรม พร้อมสร้างความเชื่อมั่นและยืนยันความสัมพันธ์ที่มั่นคงระหว่างไทยและจีนในอนาคต