วันที่ 29 ตุลาคม 2567 เวลา 15:27 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุมร่วมระหว่างเจ้าหน้าที่ดีเอสไอและตำรวจกองบัญชาการสอบสวนกลาง เพื่อพิจารณาสำนวนคดี "ดิไอคอน" โดยใช้เวลาในการประชุมกว่า 2 ชั่วโมง
ร.ต.อ.วิษณุ ระบุว่า การพิจารณาสำนวนคดีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากตำรวจสอบสวนกลางได้ส่งเรื่องให้ดีเอสไอพิจารณารับเป็นคดีพิเศษ โดยดีเอสไอสามารถพิจารณารับคดีเป็นคดีพิเศษได้ตาม 2 ช่องทาง ได้แก่
1. ความผิดที่อยู่ในบัญชีท้ายของ พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และ 2. ความผิดที่ไม่อยู่ในบัญชีท้ายแต่มีลักษณะเป็นการฉ้อโกงประชาชน
โดยในกรณีนี้ คณะกรรมการกลั่นกรองได้พิจารณาตามมาตรา 21 ของ พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และมีมติเป็นเอกฉันท์ในการรับเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากหลักฐานที่ได้รับชี้ชัดถึงความผิดตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินฯ และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
จากการตรวจสอบพยานหลักฐานและข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง พบว่ามีการกระทำความผิดอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของการฉ้อโกงประชาชนผ่านการกู้ยืมเงินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการใช้เทคโนโลยีหรือระบบคอมพิวเตอร์ในการกระทำความผิด จึงมีมติให้เสนอเรื่องต่ออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อพิจารณารับเป็นคดีพิเศษต่อไปในช่วงบ่ายวันนี้
ร.ต.อ.วิษณุ กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำงานครั้งนี้เป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่างดีเอสไอกับตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งหมายความว่า การทำงานจะไม่เริ่มต้นใหม่ แต่เป็นการต่อยอดจากสิ่งที่ตำรวจได้ดำเนินการไว้แล้ว โดยตำรวจสอบสวนกลางยังคงมีบทบาทร่วมในการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อให้กระบวนการสอบสวนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ดีเอสไอจะประชุมร่วมกับตำรวจสอบสวนกลางเพื่อพิจารณาร่วมกันเกี่ยวกับการสอบปากคำผู้ต้องหาหรือพยานเพิ่มเติม รวมถึงการออกหมายจับผู้ต้องหารายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจะพิจารณาจากพยานหลักฐานที่เพียงพอและมีความสำคัญ
นอกจากนี้ ดีเอสไอได้เตรียมหนังสือส่งไปยังสำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อขอให้อัยการเข้ามามีส่วนร่วมในคดี โดยจะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาทางกฎหมาย นอกจากนี้ยังมีแผนจะเชิญผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาในด้านต่าง ๆ มาร่วมให้ความเห็นและช่วยวิเคราะห์ข้อมูลในคดีนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของเส้นทางการเงิน การเสียภาษี และการตรวจสอบการดำเนินธุรกิจของผู้ต้องหา ซึ่งมีประวัติการทำธุรกิจขายตรงมาอย่างยาวนาน
สุดท้าย ร.ต.อ.วิษณุ ย้ำว่า การดำเนินการทั้งหมดนี้มีเป้าหมายเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด และยืนยันว่าดีเอสไอจะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิดเพื่อให้การสอบสวนและการดำเนินคดีเป็นไปอย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ