นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้สั่งการทุกหน่วยงานในสังกัดกำกับดูแลการเดินทางของประชาชนอย่างใกล้ชิด และบูรณาการความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
“ได้เน้นย้ำการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และที่สำคัญคือ ความปลอดภัยขั้นสูงสุดในการลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน” นายสุริยะ กล่าว
ทั้งนี้กระทรวงคมนาคม ได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยคมนาคม (ศปภ.คค.) เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางบนโครงข่ายคมนาคมช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 - 2 มกราคม 2568
ขณะเดียวกันได้บูรณาการกับหน่วยงานในสังกัดด้านข้อมูลการเดินทางด้วยระบบ CCTV จาก 8 หน่วยงาน 454 กล้อง ในทุกโหมดการเดินทาง เพื่อติดตามข้อมูลสภาพจราจรและความหนาแน่นของผู้โดยสาร และข้อมูลความปลอดภัย ประกอบด้วย การตรวจความพร้อมระบบขนส่งสาธารณะ ตรวจติดตามข้อมูลการใช้ความเร็วของรถโดยสารสาธารณะ และระยะเวลาการทำงานของพนักงานขับรถ
นอกจากนี้หากพบการขับรถเร็วเกินกำหนด ไม่แสดงตนในการขับขี่ ขับเกินระยะเวลาที่กำหนด ระบบจะแจ้งไปยังกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อให้แจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการให้จัดการต่อไป
อย่างไรก็ตามยังมีการสืบสวนอุบัติเหตุช่วงเทศกาล ซึ่งหากเกิดเหตุจะมีการบัญชาการเร่งด่วนผ่านระบบออนไลน์เพื่อบริหารจัดการเหตุอย่างทันท่วงทีโดยตั้งเป้าหมายจำนวนอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ ตลอดจนจำนวนรถโดยสารสาธารณะเกิดอุบัติเหตุลดลง 5% เทียบกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินงานของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ในด้านการอำนวยความสะดวก ประกอบด้วย ขบ. จัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารรถสาธารณะชั่วคราว ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรับเรื่องร้องเรียนและป้องกันมิให้ผู้โดยสารถูกเอารัดเอาเปรียบจากการใช้บริการรถโดยสารสาธารณะนำร่องระบบเช็กชัวร์ Ready to go
ทั้งนี้เพื่อยกระดับความเข้มงวดในการตรวจความพร้อมประจำวันก่อนปล่อยรถออกให้บริการ ตรวจสอบความพร้อมรถโดยสารและพนักงานขับรถ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอด Rest Area 13 จังหวัด และ Checking Point 26 จังหวัดทั่วประเทศ พร้อมย้ำให้ผู้ประกอบการแนะนำการปฏิบัติตนบนรถโดยสารกรณีฉุกเฉิน และการใช้อุปกรณ์ความปลอดภัยต่าง ๆ ในรถโดยสารสาธารณะอีกด้วย
ด้านกรมทางหลวง (ทล.) และกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้คืนผิวจราจรในโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างทุกโครงการ ให้สามารถเดินทางได้สะดวก ติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัย ตรวจสอบความพร้อมไฟฟ้าแสงสว่าง กล้อง CCTV และระบบสื่อสาร
ทั้งนี้ได้จัดเจ้าหน้าที่พร้อมอำนวยความปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชน ส่วนบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เตรียมแผนบริหารจัดการเดินรถและเข้าใช้พื้นที่ชานชาลา ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2
พร้อมจัดเตรียมรถโดยสารประจำทาง และรถโดยสารไม่ประจำทาง (รถเสริม 30) ให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน ตลอดจนเพิ่มจุดจอดรถ บขส. ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
สำหรับประชาชนที่จะเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและสายสีแดง ส่วนการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จัดตั้งหน่วยบริการประชาชนให้บริการฟรีตรวจเช็กเครื่องยนต์เบื้องต้น สอบถามเส้นทาง บริการน้ำดื่ม ที่ทางพิเศษเข้า - ออกกรุงเทพฯ 6 จุด
นอกจากนี้ ได้จัดตั้งวอร์รูม ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2567 - 3 มกราคม 2568 เพื่อควบคุมสั่งการในการแก้ไขปัญหาการจราจรในทางพิเศษและอุบัติเหตุต่าง ๆ
ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพิ่มเที่ยวขบวนรถพิเศษในเส้นทางสายเหนือ สายตะวันออก เฉียงเหนือ และสายใต้ พร้อมเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสาร รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังความปลอดภัยจากกล้องวงจรปิด CCTV ตามสถานีและบนขบวนรถทั่วประเทศ
ทั้งนี้รวมถึงวัดระดับแอลกอฮอล์ของพนักงานก่อนปฏิบัติหน้าที่ และห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์บนขบวนรถ และบริเวณสถานีรถไฟอย่างเด็ดขาด รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ปลอดภัยทั่วประเทศเพื่อรับแจ้งเหตุและประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป
ด้านกรมเจ้าท่า (จท.) จัดเตรียมแผนปฏิบัติการและมาตรการความปลอดภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 พร้อมออกคำสั่งจัดตั้งจุดอำนวยความสะดวกและประชาสัมพันธ์ทางน้ำประจำท่าเทียบ 79 จุด ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 - 2 มกราคม 2568 และจัดชุดเจ้าหน้าที่กว่า 800 คน ปฏิบัติการคุมเข้มด้านความปลอดภัย การใช้เส้นทางสัญจรทางน้ำ ผู้ให้บริการเดินเรือโดยสาร ท่าเทียบเรือ และป้องกันอุบัติเหตุทางน้ำ
ในส่วนของบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) คาดว่าจะมีผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานหลักของประเทศไทยประมาณ 2.8 ล้านคน แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศกว่า 1.8 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 1 ล้านคน
ขณะเดียวกัน ทอท. ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับผู้โดยสารครบทุกด้าน ทั้งการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก จัดเจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือและให้คำแนะนำการใช้บริการต่าง ๆ รวมทั้งการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเสริมศักยภาพการบริหารจัดการท่าอากาศยาน
ส่วนสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบค่าโดยสารเส้นทางภายในประเทศ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง และกำชับให้สายการบินรักษามาตรฐานการให้บริการ เรื่องความตรงต่อเวลาและระดับคุณภาพการให้บริการ ส่วนด้านความปลอดภัยจะมีการสุ่มตรวจระหว่างการปฏิบัติงานจริง ก่อนเที่ยวบินจะออกเดินทาง เพื่อเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับผู้ปฏิบัติหน้าที่และผู้ใช้บริการ
อย่างไรก็ตาม ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลการเดินทาง แจ้งเหตุ หรือร้องเรียนได้ที่