ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 ถนนทุกสาย แน่นไปด้วยคลื่นมหาชนเดินทางกลับภุมิลำเนา ที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ส่วนใหญ่เป้นทางถนนและภาครัฐได้มีมาตรการรณรงค์ เป็นประจำทุกปี เพื่อลดการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน โดยกำหนดช่วงเวลาเฝ้าระวังอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 27ธันวาคม2567ถึง วันที่5มกราคม2568
วันที่ 29 ธันวาคม 2567 นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ประจำวันที่ 28 ธ.ค. 2567 ซึ่งเป็นวันที่สองของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยและความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนโดยเกิดอุบัติเหตุ
สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 38.29 ทัศนวิสัยไม่ดี ร้อยละ 21.56 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 19.33 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.40 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 86.25 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 44.98 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 28.25 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 18.01 – 19.00 น. ร้อยละ 11.90 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 40-49 ปี ร้อยละ 15.93 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,770 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 50,835 คน
โดยอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 2 วันของการรณรงค์ (27 – 28 ธ.ค.) เกิดอุบัติเหตุรวม 592 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 575 คน ผู้เสียชีวิตรวม 93 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 51 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา (27 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา (24 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช (5 ราย)
ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึงที่หมายแล้ว ในขณะที่บางส่วนยังอยู่ระหว่างการเดินทางซึ่งยังคงมีจำนวนมาก ทั้งในส่วนของรถโดยสารประจำทางและรถยนต์ส่วนบุคคล ซึ่งจากข้อมูลพบว่าเมื่อวันที่ 28 ธ.ค.มีประชาชนเดินทางออกจากกรุงเทพมหานครเป็นจำนวนมากถึง 1,100,000 เที่ยว และมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นระหว่างทาง โดยมีสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุเกิดจากการขับรถเร็วเกินกำหนด
ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจึงได้เน้นย้ำจังหวัดบูรณาการทุกภาคส่วนเพิ่มมาตรการตรวจสอบความพร้อมของคนขับรถ โดยเฉพาะรถโดยสารสาธารณะ และความพร้อมของยานพาหนะในทุกจุดที่มีการรับ-ส่งประชาชน กรณีเกิดอุบัติเหตุให้สืบสวนพฤติกรรมก่อนเกิดเหตุ อาทิ ขับรถต่อเนื่องกี่ชั่วโมง มีการจอดพักรถที่จุดบริการหรือไม่ มีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และรับประทานยาที่มีมีฤทธิ์กดประสาทที่ส่งผลให้เกิดอาการง่วงซึมก่อนหรือระหว่างการเดินทางหรือไม่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในเชิงป้องกันที่สาเหตุ
ตลอดจนบังคับใช้กฎหมายควบคุมความเร็วในการขับรถอย่างเข้มข้น รวมถึงให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนทั้งถนนสายหลัก สายรอง และถนนใน อบต.และหมู่บ้าน เน้นการเฝ้าระวังจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งจุดตัดทางรถไฟ ทางลักผ่าน ทางแยก ทางร่วม และเข้มงวดการจอดรถบนไหล่ทางที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
นายชาครีย์ กล่าวอีกว่า อีกทั้งเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจความพร้อมของผู้ขับขี่ในเส้นทางตรงที่มีระยะทางยาว เพื่อป้องกันการง่วงหลับใน ตลอดจนกำชับจุดตรวจ ด่านตรวจ ด่านชุมชน บังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุทางถนน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุรุนแรง
สำหรับการจัดตั้งจุดบริการประชาชน ต้องไม่กีดขวางช่องทางจราจรมีระยะห่างจากขอบทาง จัดให้มีเครื่องหมาย กรวย หรือป้ายแสดงจุดบริการ และไม่แนะนำให้ผู้ปฏิบัติงานและผู้รับบริการ ออกไปยืนนอกจุดบริการที่ใกล้ถนน เพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุต่อผู้ปฏิบัติงานและประชาชนผู้รับบริการ
นายชาครีย์ กล่าวว่า ในส่วนการดำเนินงานของกระทรวงคมนาคม ได้มีการเปิดศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยคมนาคม (ศปภ.คค.) เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางบนโครงข่ายคมนาคมช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในสังกัดด้านข้อมูลการเดินทาง ด้วยระบบ CCTV จาก 8 หน่วยงาน 454 กล้อง ในทุกรูปแบบการเดินทางของประชาชน เพื่อติดตามข้อมูลสภาพจราจรและความหนาแน่นของผู้โดยสาร และข้อมูลความปลอดภัย
ประกอบด้วย การตรวจความพร้อมระบบขนส่งสาธารณะ การตรวจติดตามข้อมูลการใช้ความเร็วของรถโดยสารสาธารณะ และระยะเวลาการทำงานของพนักงานขับรถ หากพบการขับรถเร็วเกินกำหนด การไม่แสดงตนในการขับขี่ การขับเกินระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งระบบดังกล่าวจะแจ้งไปยังกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เพื่อให้แจ้งเตือนไปยังผู้ประกอบการให้ดำเนินการจัดการต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีการสืบสวนอุบัติเหตุช่วงเทศกาล ซึ่งหากเกิดเหตุจะมีการบัญชาการเร่งด่วนผ่านระบบออนไลน์เพื่อบริหารจัดการเหตุอย่างทันท่วงที ตลอดจนขอความร่วมมือผู้ประกอบการรถเช่าตรวจสอบใบอนุญาตขับรถของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศรับทราบ และปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด
นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง กล่าวว่า ประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึงจุดหมายปลายทางกันแล้ว แต่จะมีบางส่วนที่ยังอยู่ระหว่างเดินทาง กระทรวงมหาดไทยจึงได้กำชับจังหวัดบูรณาการทุกภาคส่วนทั้งฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร และภาคประชาชน ดำเนินงานลดอุบัติเหตุทางถนนให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่และสถานการณ์อุบัติเหตุ เน้นการดูแลจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
โดยให้จังหวัดเพิ่มความเข้มข้นการเรียกตรวจของ ด่านชุมชนและด่านครอบครัวเพื่อเฝ้าระวัง ตรวจตรา ป้องปราม และตักเตือนผู้ขับขี่ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงไม่ให้ออกจากพื้นที่ชุมชน หมู่บ้าน ทั้งการดื่มแล้วขับ ขับรถเร็ว ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย รถจักรยานยนต์ที่มีสภาพไม่ปลอดภัย การขับขี่ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ผู้อื่น และตรวจความพร้อมสภาพร่างกายของผู้ขับขี่ทั้งนี้ ในบางพื้นที่เริ่มมีการเฉลิมฉลองแล้ว จึงได้กำชับจังหวัดเพิ่มความเข้มข้นการดูแลเส้นทางโดยรอบพื้นที่จัดงานเฉลิมฉลอง และดูแลบริเวณสถานที่จัดงานให้มีความปลอดภัย