'ประพันธุ์' ขอบคุณศาลพิพากษายกฟ้องคดี 21 แกนนำพันธมิตรฯ-แนวร่วม ปิดล้อมรัฐสภา ชี้! สู้คดีมานานนับสิบปี ยัน! พร้อมต่อสู้ในขั้นอุทธรณ์และฎีกา หากอัยการยังไม่ยุติคดี ขออัยการใช้มาตรฐานเดียวกับกรณีไม่อุทธรณ์คดี 7 ต.ค.
นายประพันธุ์ คูณมี อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และอดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) สะท้อนมุมมองภายหลังศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องคดีแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) พร้อมด้วยแนวร่วม รวม 21 คน กรณีนำกลุ่มชุมนุมปิดล้อมอาคารรัฐสภา เมื่อปี 2551 โดยชี้ว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบ ไม่ก่อความรุนแรง ส่วนเหตุความวุ่นวายเสียหายเกิดจากการยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุม ว่า
เช้าวันนี้ (4 มี.ค. 62) เวลา 09.30 น. ผมต้องมาศาลแต่เช้าเพื่อฟังคำพิพากษาศาลอาญา คดีที่อัยการเป็นโจทก์ฟ้องแกนนำพันธมิตรฯ โดยคุณสนธิเป็นจำเลยที่ 1 กับพวก รวม 21 คน ผมเป็นเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น โดยเป็นจำเลยที่ 5 โจทก์ฟ้องจำเลยในการร่วมกันชุมนุมหน้ารัฐสภาฯ เมื่อ 7 ต.ค. 2551 และมีเหตุวุ่นวายจากการสลายการชุมของตำรวจ จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมากจากการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเปิดทางให้ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้าประชุมแถลงนโยบาย ทั้ง ๆ ที่ตำรวจยิงทำร้ายประชาชน แต่อัยการกลับมาฟ้องกล่าวพวกเรา ว่า ก่อการจลาจลวุ่นวายในบ้านเมือง จับกักขังหน่วงเหนี่ยว ส.ส. และ ส.ว. กระทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ
คดีได้ต่อสู้กันมา มีการสืบพยานโจทก์ จำเลย จำนวนมาก นับแรมปี วันนี้ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาแล้วครับ โดยศาลอาญาได้พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 21 คน ในทุกข้อหา ทั้งยังเห็นว่า การชุมนุมของพันธมิตรดังกล่าวเป็นไปโดยสงบ ปราศจากอาวุธ เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ เหตุวุ่นวายเกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าตำรวจ ที่ใช้แก๊ซน้ำตาสลายการชุมนุมและใช้ความรุนแรงต่อประชาชนโดยฉับพลัน ปราศจากการแจ้งเตือน พยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง ว่า จำเลยทั้ง 21 คน ได้กระทำผิดตามฟ้อง
ผมยืนฟังคำพิพากษา พร้อมพี่น้อง พธม. ที่มาให้กำลังใจจำนวนมากแน่นห้องพิจารณา ยืนฟังด้วยน้ำตาซึมและรันทดในใจ เพราะรู้ดีว่า ตนไม่ได้ทำผิดคิดร้ายใด ๆ ต่อชาติบ้านเมือง ออกมาปกป้องสถาบัน รักษาผลประโยชน์ชาติ ต่อต้านคนโกง ทำหน้าที่ตามสิทธิ เสรีภาพ และรัฐธรรมนูญ ด้วยสองมือเปล่าอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ ถูกทำร้ายไล่ยิงเข่นฆ่า แทบเอาชีวิตไม่รอด แต่ยังต้องตกเป็นจำเลยในคดี ใช้เวลาต่อสู้คดีนับสิบปี เสียอิสระเสรีภาพ กระทบต่อหน้าที่การงาน หรือ การดำรงตำแหน่งทางการเมือง และสิทธิอื่นอีกมากมาย
กว่าจะพิสูจน์ว่า ตนเป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องขอขอบคุณศาลและกระบวนการยุติธรรมยังเมตตาและเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน ที่กรุณาเข้าใจข้อเท็จจริง และพิจารณาพิพากษายกฟ้องพวกจำเลยทั้งหมดในคดีนี้ แต่อย่างไร พวกเรายังต้องต่อสู้ในขั้นอุทธรณ์ ฎีกาต่อไป หากอัยการยังไม่ยุติ จึงหวังว่า อัยการจะใช้มาตรฐานในการอุทธรณ์เช่นเดียวกับกรณีประชาชนที่ไม่อุทธรณ์คดี 7 ตุลาฯ แต่จะอย่างไรก็ตาม ความจริงย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ตาย พธม. ย่อมเป็นอมตะในใจประชาชนผู้รักความเป็นธรรมตลอดกาล