ดร.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.ว่า ที่ประชุมรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ไทย – ภูฏาน ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 26 – 27 กันยายน 2562 ณ กรุงทิมพู ประเทศภูฏาน โดยการค้าระหว่างไทยและภูฏานขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จาก 4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (120 ล้านบาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 30 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2557 เป็น 39.75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,192.5 ล้านบาท) ในปี 2561 ทั้งสองประเทศตั้งเป้าหมายการค้าระหว่างกันไว้ที่ 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(1,500 ล้านบาท) ภายในปี 2564
ส่วนด้านการส่งเสริมการค้าและการลงทุนนั้น ไทยยินดีให้การสนับสนุนภูฏานในการส่งออกสินค้ามายังไทย โดยภูฏานสามารถใช้สิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้โครงการการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (Duty Free Quota Free : DFQF) ซึ่งครอบคลุมสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมกว่า 6,998 รายการ รวมทั้งได้เชิญชวนผู้ประกอบการภูฏาน เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี อาทิ งาน STYLE Bangkok Fair (งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์) และงาน THAIFEX (งานแสดงสินค้าอาหาร)
ด้านความร่วมมือทางเศรษฐกิจนั้น ไทยพร้อมสนับสนุนการหารือและผลักดันความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายใต้แนวคิด “2 อาณาจักร 1 จุดหมายปลายทาง” (Two Kingdoms One Destination) รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมถึงไทยยินดีให้การสนับสนุนด้านหัตถกรรมแก่ภูฏาน ภายใต้ MOU ว่าด้วยการพัฒนาองค์ความรู้ในด้านศิลปหัตถกรรมระหว่างศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) ของไทย กับกรมอุตสาหกรรมครัวเรือนของภูฏาน
ขณะที่ภูฏานมีนโยบายในการพัฒนาเขตนิคมอุตสาหกรรมและท่าเรือบก (Dry Port) เพื่อดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และอำนวยความสะดวกทางพิธีการศุลกากรสำหรับการส่งออกและนำเข้า โดยแสดงความสนใจที่ร่วมมือกับไทย ซึ่งไทยขอให้ภูฏานแจ้งข้อมูลกฎระเบียบด้านการลงทุน และโครงการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศให้ไทยทราบ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับนักลงทุนไทยที่สนใจต่อไป