เมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำหนังสือด่วนที่สุด แจ้งข้อสังการของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมาย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดําเนินการในเรื่องต่าง ๆ เพื่อให้การบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 (COVID-19) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเพื่อรองรับสถานการณ์ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ในข้อสั่งการข้อที่ 3 ตามเอกสาร พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำในที่ประชุมครม.เกี่ยวกับการดําเนินการตรวจรับรองมาตรฐานอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่นําเข้าจากต่างประเทศ เพื่อนํามาใช้ในการตรวจคัดกรองและรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข ไว้อย่างชัดเจว่าจะต้องดําเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและป้องกันไม่ให้มีการทุจริต และเรียกรับผลประโยชน์
"ให้กระทรวงสาธารณสุข โดยสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เร่งรัดการดําเนินการตรวจรับรองมาตรฐานอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่นําเข้าจากต่างประเทศ เพื่อนํามาใช้ในการตรวจคัดกรองและรักษาโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ให้เป็นไปตามกรอบระยะเวลา ที่กําหนดอย่างเคร่งครัด (ภายใน 5 วัน) รวมทั้งดําเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและป้องกันไม่ให้มีการทุจริต และเรียกรับผลประโยชน์"
นายกฯยังสั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบการบริหารจัดการการแจกจ่ายหน้ากากอนามัย จํานวน 1.5 ล้านชิ้นต่อวัน ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ ทั้งในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงสถานพยาบาล ของเอกชน รวมทั้ให้รวบรวมข้อมูลมาตรการป้องกันการรักษาและการบริหารจัดการ
นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้กระทรวงการคลัง โดยกรมศุลกากรร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขเร่งรัดการออกประกาศ เพื่อยกเว้นอากรสําหรับสินค้านําเข้าที่เกี่ยวกับการตรวจรักษาการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่น ยาและเวชภัณฑ์ หน้ากากอนามัย เครื่องมือ ชุดตรวจ และสิ่งของจําเป็นอื่น ๆ โดยเร็ว ทั้งนี้ ให้มีผลย้อนหลัง นับแต่วันที่มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร เป็นต้น