รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่าในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดการเคลื่อนไหวทางการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐ อย่างหนัก เพื่อเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจาก นายอุตตม สาวนายน และ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค จนเกิดความปั่นป่วน โดยมีการผลักดัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค โดยมี นายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นเลขาธิการพรรค
แผนการเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค พปชร.ในครั้งนี้ เป็นการรวมพลังของ พล.อ.ประวิตร กับบรรดาแกนนำของพรรคที่รวมกำลังกันหลายสาย อาทิ เช่น นายวิรัช รัตนเศรษฐ นายสุชาติ ชมกลิ่น และนายอนุชา นาคาศัย ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ต้องการปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรค และต้องการปรับใหญ่คณะรัฐมนตรีในเดือนมิถุนายน ภายหลังการประชุมพรรคตามกฎหมาย
“ปฏิบัติการเปลี่ยนหัวหน้าพรรคครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่มอบหมายให้ใครดำเนินการ หรือแค่ส่งสัญญาณ แต่ข่าวที่เชื่อถือได้ยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร เป็นผู้บอกกล่าวด้วยวาจาด้วยตัวเองกับนายอุตตมว่า ขอให้ลาออกจากหัวหน้าพรรค และตัวเองจะเป็นหัวหน้าพรรคแทน หลังจากนั้นได้ส่ง "เสธ.อ." ไปกดดันให้นายอุตตม เขียนใบลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค” แหล่งข่าวกรรมการบริหารพรรค พปชร.กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่าล่าสุดนายอุตตม ปฏิเสธที่จะเขียนใบลาออก ก็มีการเคลื่อนไหวจาก "เสธ.อ." ที่เป็นมือขวาในปฏิบัติการของพลเอกประวิตร โดยโทรศัพท์ และเดินทางไปล็อบบี้ให้กรรมการบริหารพรรรคหลายคนให้ลาออกจากตำแหน่ง โดยตั้งเป้าว่าให้ลาออกเกินครึ่งหนึ่งของกรรมการ ซึ่งจะมีผลทำให้นายอุตตม ต้องพ้นจากตำแหน่งโดยอัตโนมัติ ซึ่งจะนำไปสู่การล้างไพ่ใหม่ และสามารถเรียกประชุมใหญ่ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคใหม่ในเดือนพฤษภาคมนี้
แต่ขณะนี้ คณะกรรมการบริหารส่วนใหญ่ยังไม่ตอบรับการลาออกตามแผนการนี้ แม้ว่า "เสธ.อ" จะกดดันอย่างหนักจึงยังไม่สามารถ “ล้างไพ่” ในพรรคพปชร.ได้
“การต้องการเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคครั้งนี้มีจุดประสงค์อย่างเดียว เพื่อรองรับ การปรับคณะรัฐมนตรีที่กลุ่มบิ้กป้อมคาดการณ์ ว่าจะมีขึ้นหลังจาก วิกฤติโควิด-19 คลี่คลาย แต่ปัญหาอยู่ที่จะเรียกประชุมใหญ่ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคใหม่ได้อย่างไร ในเมื่อสถานการณ์ โควิด-19 ยังลากยาวเป็นอย่างนี้” กรรมการบริหารพรรค พปชร.กล่าว
แหล่งข่าวจากพรรคพปชร. แจ้งว่า ได้รับแจ้งจากกรรมการบริหารพรรคว่า จะมีการเปลี่ยนกรรมการพรรคใหม่ และจะมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีใหม่ โดยพล.อ.ประวิตรจะเข้าไปเป็น รมว.มหาดไทยด้วย ขณะที่นายสันติ พร้อมพัฒน์ จะเป็น รมว.คลัง ศาสตราจารย์นฤมลจะเป็น รมช.คลัง นายณัฐพล ทีปสุวรรณ จะมาเป็นรมว. พลังงาน นายอนุชา นาคาศัย จะไปเป็น รมว.ศึกษาธิการ นายสุชาติ ชมกลิ่น จะไปเป็น รมว. อุดมศึกษาฯ