8 พฤษภาคม 2563 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อเพื่อขอให้ไต่สวนสอบสวนผู้บริหารศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมของกระทรวงดีอี ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่พี่น้อง อสม.ใน จ.พิษณุโลก ไม่ได้รับค่าตอบแทนการปฏิบัติงานเต็มจำนวน 240 บาท ตามที่กำหนดไว้ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อควบคุมป้องกันโรคโควิด-19 จนนำไปสู่การร้องเรียนตามข่าวที่ปรากฏในสื่อสาธารณะต่าง ๆ และขณะนี้ยังไม่ทราบความชัดเจนว่าจะได้รับ เงินค่าตอบแทนเต็มจำนวน 240 บาท หรือได้รับแค่ 120 บาทหรือไม่
แต่ปรากฏว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (ศูนย์ต่อต้านเฟคนิวส์) ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)ได้นำเสนอระบุว่าเรื่องดังกล่าวมีเนื้อหาไม่ตรงกับความจริงหรือเป็นข่าวบิดเบือน ในขณะที่ อสม. ยังไม่ได้รับค่าตอบแทนการปฏิบัติหน้าที่ในเวลานี้นั้นคือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น จนมี อสม.จำนวนมากออกมาบุกศาลากลางเพื่อยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลกเมื่อวันที่ 5 พ.ค.63 ที่ผ่านมา การสื่อสารในลักษณะดังกล่าวได้ก่อให้เกิด ความสับสนและหลายฝ่ายโดยเฉพาะเครือข่าย อสม. ทราบแล้วไม่สบายใจ ซึ่งถือได้ว่าศูนย์ฯดังกล่าวมีเจตนาที่จะทำลายความเชื่อถือของ อสม. และสร้างข่าวบิดเบือนเพื่อเอาใจฝ่ายราชการหรือรัฐบาลด้วยกันเอง โดยไม่คำนึงถึงความรอบครอบและความเป็นมืออาชีพ รวมทั้งข้อกฎหมายที่หน่วยงานของตนพึงปฏิบัติให้เป็นแบบอย่างที่ดี แต่กลับมาดำเนินการจนก่อให้เกิดผลกระทบต่อจิตใจ อสม.ที่ทุ่มเทการทำงานเพื่อแสวงหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 กันเต็มที่ตามภารกิจที่มอบหมาย กระทั่งมีการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนด้วยข้อความอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อ อสม. หรือประชาชน อันเป็นความผิดตาม ม.14 แห่ง พรบ.ว่าด้วยการกระทำผิดต่อคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2560 อันถือได้ว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่โดยตรงด้วย
กรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกที่ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมบิดเบือนข่าวเสียเอง แต่เมื่อสีงคมตรวจสอบแล้วว่าไม่เป็นไปตามที่ศูนย์ฯพยายามแก้ข่าว แต่ศูนย์ฯกลับเงียบเฉยไม่แก้ข่าว กลับปล่อยผ่านไปเสียสิ้น ซึ่งไม่ใช่วิสัยของศูนย์ฯดังกล่าว ซึ่งควรที่จะต้องออกมายอมรับผิดและแก้ไขข่าวให้ถูกต้อง ไม่ใช่แก้ตัวให้ดูดี หรือหนีความผิดพลาดไปแบบน้ำขุ่นๆ
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องนำความมาร้องเรียนต่อ ป.ป.ช.เพื่อให้ดำเนินการไต่สวนและเอาผิดศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทยดังกล่าวต่อไป เพื่อรักษามาตรฐานการทำงานของทางราชการต่อไป นายศรีสุวรรณ กล่าว