วันที่ 5 ส.ค.63 เมื่อเวลา 12.10 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ "บอส อยู่วิทยา" ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการฯ ครั้งที่ 2 หลังใช้เวลาประชุมนาน 2 ชั่วโมง ว่า
การประชุมครั้งนี้เราได้ข้อมูลมากขึ้น โดยเฉพาะได้ประสานไปยังอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ เกี่ยวกับเรื่องหมายจับที่ตำรวจบอกว่าขอถอนหมายจับนายวรยุทธ อยู่วิทยา เพื่อให้คดียุติไปนั้น ทราบว่าวันนั้นทางตำรวจไปขอถอนหมายจับจริง แต่มีกลุ่มมวลชนนำโดย น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว. ไปยื่นคำร้องขอศาลอย่าเพิ่งถอนหมายจับ ศาลเห็นว่าเป็นเรื่องสำคัญ จำเป็นต้องไต่สวนก่อน เมื่อมวลชนไปมากๆ จึงบอกพนักงานสอบสวนให้ถอนคำร้องไปดีกว่าหรือไม่ พนักงานสอบสวนจึงถอนคำร้องไปแล้ว จึงยืนยันว่าขณะนี้หมายจับยังอยู่
“และเหตุที่หมายจับยังอยู่ เนื่องจากคดียังไม่ยุติ ยังเป็นปัญหาอยู่ อัยการก็เพิ่งแถลงไปเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ว่าจะนำข้อมูลเข้าใหม่และสั่งคดีใหม่ ซึ่งอาจจะมีการสั่งคดีใหม่หรือไม่ก็ไม่ทราบ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ถอนหมายจับยังไม่ได้ ขณะนี้หมายจับยังอยู่ ขอแจ้งให้ประชาชนสบายใจว่าคดีนายวรยุทธยังไม่จบ ส่วนเรื่องหมายจับขององค์การตำรวจสากล หรืออินเตอร์โพล เรื่องดังกล่าวยังไม่ชัดเจน และเราไม่สามารถไปแทรกแซงอินเตอร์โพลได้ เพราะมันอยู่นอกอำนาจเรา แต่ต่อไปคงมีการขอรายละเอียดอีกที เพราะเราต้องการรายละเอียดส่วนนี้ด้วย แต่ในส่วนของประเทศไทยแน่ใจว่าจะไม่มีการถอนหมายจับ เอาอย่างนั้นก็แล้วกัน”
นายวิชา กล่าวว่า หลังจากนี้เราจะเรียกพยานมาสอบ เช่น ทีมงานของอัยการ ในวันที่ 6 ส.ค. โดยนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด จะนำสำนวนที่อัยการตรวจสอบมาให้ถ้อยคำกับคณะทำงานตรวจสอบอัยการ ที่มีนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คงจะมาเล่ารายละเอียดต่างๆ ให้ฟัง ส่วนสำนวนจากทุกฝ่าย ทั้งตำรวจ อัยการ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่มีการชี้มูลพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าวว่ามีความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง เราจะทำหนังสือขอมาทั้งหมด เพื่อให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาทั้งหมด พร้อมกันนี้เราจะมีการเรียกอัยการที่รวบรวมสำนวนและมีข้อโต้แย้งต่างๆ มาให้ข้อมูลในวันที่ 9 ส.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ยืนยันว่าเราทำงานทั้งวันทั้งคืน ไม่ได้หยุดแม้วันอาทิตย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
"อำนวย" เปิดศึก "อัยการฯ" โยนตำรวจผิดฝ่ายเดียวคดี"บอสอยู่วิทยา"
ACTชงนายกฯเอาผิดจนท.คดี“บอส อยู่วิทยา”มิให้เป็นเยี่ยงอย่าง
เฟอร์รารี "บอส อยู่วิทยา" ขับเร็ว126กม./ชม. "สามารถ" งัดสูตรคำนวณฟันธง
คดีบอส อยู่วิทยา “สมัคร เชาวภานันท์” ทนายความเปิดปากครั้งแรก
นายวิชา กล่าวว่า อะไรก็ตามหากเป็นประเด็นที่ประชาชนสงสัย หรือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญต่างๆ เรารับฟังทั้งหมด หลังจากนี้จะเปิดอีเมลรับข้อมูล เพื่อตรวจสอบในทุกด้าน แต่เบื้องต้นส่งมาที่อีเมลของตนก่อน คือ [email protected] ใครคับข้องใจสามารถส่งมาได้
ขณะที่ในส่วนคณะทำงานตรวจสอบบุคคลทั่วไปที่มี นายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน จะเชิญผู้ที่ตรวจสอบเรื่องความเร็วรถคือ นายสธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ อาจารย์ภาควิชาฟิสิกส์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาให้ข้อมูล รวมถึงประเด็นสารโคเคน จะเชิญ นพ.วิชาญ เบี้ยวนิ่ม หัวหน้าสาขาวิชานิติเวชวิทยา ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มาให้ข้อมูล อย่างไรก็ตาม สำหรับการประชุมหรือการเรียกมาให้ข้อมูลและถ้อยคำของคณะทำงานชุดต่างๆ กรรมการชุดใหญ่สามารถเข้าฟังได้ หากตนมีเวลาก็อยากไปรับฟังด้วย
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีได้ฝากอะไรมายังคณะกรรมการฯบ้าง นายวิชา กล่าวว่า ไม่มี เพียงแต่บอกให้เราให้ทำเต็มที่ ให้ประชาชนสบายใจ ทุกเรื่องกระจ่าง ไม่มีลับลมคมใน เมื่อถามว่า เมื่อเรียกอัยการมาแล้ว จะเรียกในส่วนของตำรวจมาด้วยหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า คณะทำงานตรวจสอบตำรวจที่มีนายเข็มชัย ชุติวงศ์ เป็นประธาน ยังไม่ได้แจ้งให้ทราบ อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเชิญใครบ้าง แต่อย่างน้อยสัปดาห์หน้า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คงต้องมาให้ข้อมูลกับคณะกรรมการชุดใหญ่ ส่วนจะเป็นวันอังคารหรือวันศุกร์ จะแจ้งให้ทราบอีกที
เมื่อถามถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงิน นายวิชา กล่าวว่า เป็นเรื่องของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่จะต้องตรวจสอบให้ชัดเจน แต่ขณะนี้ยังเริ่มตรวจสอบไม่ได้ เนื่องจากติดขัดว่ายังไม่ได้เป็นคดีที่ประพฤติมิชอบ หรือคดีที่เข้าข่ายต้องตรวจสอบทางการเงิน เมื่อถามว่า จะต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องสงสัยทั้งหมดเลยหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า ก็ต้องลิสต์รายชื่อไป เพราะต้องมีความแน่นอน.
อย่างไรก็ตามในช่วงเช้าก่อนเริ่มการประชุม นายวิชา ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมว่า คดีนายวรยุทธ อยู่วิทยา ขับรถชนตำรวจตายเมื่อปี 2555 เป็นความบกพร่องเรื่องการทำสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า ก็ว่ากันไปในคณะกรรมการแต่ละชุด แต่คณะกรรมการของเราจะดูทั้งหมด ว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร ซึ่งเราจะต้องนำข้อมูลที่ตำรวจสอบมาแล้วมาดูด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการเรียกพยานที่เคยสอบปากคำมาแล้ว มาให้ข้อมูลกับคณะกรรมการชุดนี้หรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า อยู่ในระบบตรวจสอบอยู่แล้ว ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการฯวันนี้เราจะพิจารณาว่าจะเรียกพยานเหล่านี้มาให้ข้อมูลเมื่อไหร่ บางทีอาจจะต้องสอบกันในวันหยุดด้วยเพื่อให้เสร็จเร็วขึ้น โดยคณะกรรมการฯมีอำนาจในการเรียกพยานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
เมื่อถามว่า ปัจจุบันยังมีการถกเถียงกันว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาจากความบกพร่องของอัยการ นายวิชา กล่าวว่า ในส่วนนี้ยังไม่พูด เพราะเราพูดไม่ได้ เนื่องจากจะต้องตรวจสอบให้ครบถ้วนก่อน
เมื่อถามว่า ระบบตรวจสอบของคณะกรรมการชุดนี้มีกี่หัวข้อและอะไรบ้าง นายวิชา กล่าวว่า ในวันนี้เราจะพิจารณาในเรื่องของข้อกฎหมาย ซึ่งนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบกฎหมาย จะเสนอในวันนี้ ต่อข้อถามว่า ข้อกฎหมายที่เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา จะเสนอจะรวมไปถึงอำนาจในการสั่งรื้อคดีของนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า เราจะดูในกรอบของกฎหมายที่อยู่ในอำนาจของคณะกรรมการชุดนี้ และจะหารือว่าเราจะใช้หลักอะไร ที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย ตลอดไปจนถึงข้อบกพร่อง หากมีข้อบกพร่องก็จะต้องดูว่าจะแก้ไขอย่างไร คาดว่านายปกรณ์คงจะเสนอมาอย่างครบถ้วน
เมื่อถามว่า คณะกรรมการชุดนี้จะเป็นผู้สรุปสุดท้ายว่าจะรื้อหรือไม่รื้ิอคดีนี้ใช่หรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า สุดท้ายอย่าไปคาดเดาว่าจะเสนอหรือไม่เสนอ แต่เมื่อตั้งคณะกรรมการขึ้นมาแล้วคดีไม่มีการเปลี่ยนแปลง จะตั้งหาประโยชน์อะไร มันไม่มีประโยชน์ ก็ต้องทำให้เป็นมรรคเป็นผล
เมื่อถามว่า กรณีที่อัยการยืนยันไม่สั่งฟ้อง แต่เรียกสอบพยานเพิ่ม หมายความว่าอย่างไร นายวิชา กล่าวว่า ก็สุดแล้วแต่เขา อย่าเพิ่งมาถามตอนนี้ เพราะวันนี้จะต้องนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการฯเพื่อหารือกัน
เมื่อถามว่า หากทำงานในวันหยุดด้วย การตรวจสอบจะเสร็จสิ้นก่อน 30 วันตามกรอบเวลาใช่หรือไม่ นายวิชา กล่าวว่า เราก็ต้องรีบ ส่วนจะเสร็จก่อนกำหนด 30 วันหรือไม่ เราก็ไม่รู้ แต่เราจะทำอย่างเร็วที่สุด.