วันนี้(24 ส.ค.63) กองทัพเรือ(ทร.) ได้แถลงข่าวชี้แจงกรณีจัดซื้อเรือดำน้ำมูลค่า 2.2 หมื่นล้านบาทว่า จะมีการลงนามในข้อตกลงจัดซื้อเรือดำน้ำ กับทางการจีน จำนวน 2 ลำ วงเงิน 22,500 ล้านบาท ภายในเดือน ก.ย.นี้
ทั้งนี้ ทร. ได้ย้ำถึงความจำเป็นในการขยายกองเรือดำน้ำของไทยในการปกป้องทรัพย์สินของประเทศ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากการจัดซื้อเรือดำน้ำลำแรก แต่จะชะลอการจ่ายเงินงวดแรก 3,375 ล้านบาท ที่กำหนดจ่ายในปีนี้ออกไป เพื่อนำไปสมทบกับงบประมาณส่วนอื่นให้กับรัฐบาลรวมกว่า 4,000 ล้านบาท นำไปใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาของประเทศตามความจำเป็นก่อน
นอกจากนั้น ยังระบุถึงความจำเป็นที่ต้องมีเรือดำน้ำเพื่อความมั่นคงผลประโยชน์ในทะเล และอีก 6 ปี ถึงจะต่อเรือแล้วเสร็จ แม้ว่าสงครามจะยังไม่เกิด
พล.ร.ท.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ กล่าวว่า เรือดำน้ำมีไว้เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ป้องกันภัยคุกคามทางทะเลจากต่างประเทศ โดยเรือชุดแรกของไทยปลดประจำการทั้ง 4 ลำ และจำเป็นที่จะต้องมีเพื่อความมั่นคงและผลประโยชน์ในทะเล ซึ่งการลงนามจัดซื้อ ณ ตอนนี้ อีก 7 ปี จึงจะได้รับเรือ
เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ กล่าวว่า สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ที่มีความตึงเครียด การเสริมสร้างกำลังทางเรือจึงมีความจำเป็น เพื่อให้ประเทศไทยมีอำนาจต่อรองกับต่างประเทศได้
“การจัดซื้อเรือดำน้ำกองทัพเรือได้พิจารณาอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความคุ้มค่าต่อเศรษฐกิจ และความมั่นคงของผลประโยชน์ทางทะเลของชาติอย่างเต็มที่” เจ้ากรมยุทธการทหารเรือ ระบุ
ด้าน พล.ร.อ.สิทธิพร มาศเกษม เสนาธิการทหารเรือ ระบุว่า กองทัพเรือได้เข้าชี้แจงกับกมธ.งบประมาณซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ เข้าประจำการในกองทัพเรือ มูลค่ากว่า 2.25 หมื่นล้านบาท แต่ถูกนำข้อมูลบางส่วนมาแถลงทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน อาจมาจากการหวังผลทางการเมือง
พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสนาธิการกองทัพเรือ ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ แถลงตอบโต้กรณีที่นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.เพื่อไทย ที่ออกมาโจมตีกองทัพเรือโดยเปิดเผยเอกสารลับการจัดซื้อเรือดำน้ำ ว่า เป็นการพูดที่บิดเบือนข้อเท็จจริงนำไปซึ่งความแตกแยก นำมาสู่ความเกลียดชังต่อกองทัพ และเป็นสิ่งที่ไม่สมควร นำมาเป็นประเด็นเคลื่อนไหวทางการเมือง
“ที่กล่าวหาว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ เป็นสัญญาเก๊ ก็ไม่เป็นความจริง จำนำข้าวที่พรรคเพื่อไทย ทำต่างหากที่เป็น จีทูจีเก๊ และไม่ถูกต้อง แต่กองทัพเรือทำการซื้อแบบจีทูจีอย่างถูกต้องโปร่งใส ขอสังคมอย่าตกเป็นเหยื่อเรื่องการเมือง โดยการจัดซื้อครั้งนี้ ไม่ได้จ่ายทั้งก้อน 2.25 หมื่นล้านบาท ในคราวเดียว ปี 2564 ทั้งหมด” พล.ร.ท.ประชาชาติ ระบุ
ส่วน พล.ร.ต.อรรถพล เพชรฉาย ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ชี้แจงถึงกรณีที่ถูกพาดพิง เป็นสัญญาเก๊ เป็นการลงนามที่ไม่รองรับด้วยทางกฎหมาย ส่อโมฆะ ว่า พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสธ.ทร. ในสมัยนั้น เป็นผู้ลงนาม ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย
ขณะที่ น.อ.ธาดาวุธ ทัตพิทักษ์กุล รองผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์ทหารเรือ ในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ กล่าวยืนยันว่า สัญญาจีทูจี เป็นไปอย่างถูกต้อง พร้อมฉายเส้นทาง การลงนามข้อตกลงจ้างสร้างเรือดำน้ำลำที่ 1 โดยรัฐบาลจีน สั่งการให้ SASTIND มอบอำนาจให้ บริษัท CSOC ก่อนมอบอำนาจให้ Chirman of CsOC มาเซ็นสัญญา
ขณะที่ ฝั่งไทย ครม.ได้อนุมัติให้ใช้วิธีจัดซื้อแบบ “จีทูจี” มอบอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารเรือ หรือผู้แทน โดย ผบ.ทร.ในสมัยนั้น ได้มอบอำนาจให้ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสธ.ทร. ในฐานะ ประธาน กจค. ไปเซ็นสัญญา