วันที่ 8 ตุลาคม ที่ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลลูม ศูนย์ประชุมนานาชาติอิมแพ็คเมืองทองธานี พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) หรือ “บิ๊กต่อ” พร้อมด้วย รองผบช.ก. และผู้บังคับคับการ (ผบก.) ในสังกัด บช.ก. ได้จัดการประชุมเพื่อมอบนโยบายให้กับนายตำรวจตั้งแต่ระดับสารวัตรหัวหน้าสถานีขึ้นไปรวมกว่า 400 นาย เนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งใหม่ เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ไปในแนวทางเดียวกัน
การประชุมในครั้งนี้นอกจาก พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ จะกล่าวมอบนโยบายแล้วยังได้นิมนต์ ท่านเจ้าคุณพระเทพปริยัติมุนี เจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนารามราชวรวิหาร ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. และ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. มาบรรยายในหัวข้อธรรมะกับงานในหน้าที่ตำรวจ และยังมีวิทยากรจิตอาสา 904 เข้าร่วมบรรยายด้วย
พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า นโยบายที่ ผบ.ตร. กำหนดมาแล้วนั้นดีอยู่แล้ว คือ ตำรวจเป็นองค์กรบังคับใช้กฎหมายที่ประชาชนเชื่อมั่นและศรัทธา ตนมามอบแนวทางการปฏิบัติตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังนั้น ตนขอแค่ 3 ประการ
ประการแรก คือการถวายความปลอดภัยพระบรมวงศ์ศานุวงศ์อย่างสมพระเกียรติ เป็นเรื่องที่ทำอยู่แล้วในเรื่องการถวายความปลอดภัย นอกจากนี้เรายังมีหน่วย Local Cat กว่า 400 กว่านาย
ประการที่สอง คือการผดุงความยุติธรรม ที่เราต้องดูแลปกป้องทรัพย์สิน เข้าไปควบคุมกำกับดูแลผู้มีอิทธิพล และดำเนินการตามกฎหมาย เพราะ บช.ก. เป็นที่คาดหวัง เช่น กองปราบฯเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนเพราะเขาไม่สามารถพึ่งพาตำรวจพื้นที่ได้แล้วจึงมาหาพวกเรา
“ผมอยู่กองปราบฯ มา 18 ปี และอยู่ บช.ก. มารวม 21 ปี ผมอยู่นานมากพอๆ กับตำรวจชั้นประทวน งานของกองปราบฯ เกิดขึ้นเมื่อตำรวจท้องที่เข้าไปทำงานไม่ได้ ตำรวจกองปราบฯ ก็จะเข้าไป เพราะมีอำนาจทั่วราชอาณาจักร มีกองกำลังคอมมานโดที่ผมอยู่มาทั้งชีวิต ถือเป็นกองกำลังพิเศษของ ผบ.ตร. เป็นส่วนสำคัญที่อำนวยความสะดวกให้ประชาชน”
พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ กล่าวอีกว่า ต่อไป บช.ก. จะเป็นหน่วย one stop service โดยราวกลางปีหน้า บช.ก. จะย้ายไปอยู่ที่เดียวกับที่การของตำรวจกองปราบฯ ถ.พหลโยธิน ที่ต้องย้ายมาก็เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นศูนย์กลางการเดินทางสะดวกต่อการแจ้งความของประชาชน ทุกหน่วยในสังกัดจะมารวมกันหมดสามารถแจ้งความจบได้ในที่เดียว
เรื่องสุดท้าย คือ เรื่องจิตอาสาพระราชทาน ซึ่งเป็นพระราโชบายของในหลวงที่นำมาเป็นตัวเชื่อมให้ประชาชนเกิดความรักความสามัคคี ที่ผ่านมาสิ่งที่ตำรวจเราทำ ประกอบไปด้วย จิตอาสาพัฒนา จิตอาสาภัยพิบัติ และจิตอาสาเฉพาะกิจที่ทำตามงานประราชพิธีต่างๆ ทั้งนี้หน้าที่ของตำรวจส่วนหนึ่งจะต้องชี้แจงเรื่องจิตอาสาให้ประชาชนและหน่วยงานราชการต่างๆ เข้าใจ ถึงความตั้งใจของในหลวงที่ทำงานแบบปิดทองหลังพระ เราเป็นข้าราชการในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ต้องทำงานอย่างจริงจังและซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ บช.ก. อยู่ในมือของตำรวจทุกๆ นายในสังกัด
“ที่นี่ตำแหน่งเลือกคนไม่ใช่คนเลือกตำแหน่ง ให้สิทธิผู้การฯในการแต่งตั้งโยกย้าย ไม่ต้องไหว้ครู ชกได้เลย สามารถเริ่มทำงานได้เลย ที่สำคัญจะต้องมีการฝึกและให้ความรู้ทางกฎหมาย และดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาให้ดีที่สุด” ผบช.ก. กล่าว
ภายหลังมอบนโยบาย พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ กล่าวว่า ได้กำชับให้กองปราบฯเร่งหาข่าวเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง เนื่องจากปลายปีนี้จะมีการเลือกท้องถิ่นทั่วประเทศ และในบางพื้นที่มีการแข่งขันกันสูง จึงได้เตรียมที่จะจัดกำลังตำรวจกองปราบฯลงพื้นที่เพื่อจัดการกับกลุ่มอิทธิพลเถื่อนเพื่อป้องกันความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้น โดยจะให้กำลังหน่วยหนุมาน กองปราบฯ ร่วมกับหน่วยคอมมานโด กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ซึ่งตนจะเป็นคนนำกำลังลงพื้นที่ด้วยตนเอง
ด้าน พระเทพปริยัติมุนี กล่าวว่า อยากมาบรรยายครั้งนี้เพราะอยากมาบอกว่าเมื่อรับตำแหน่งมาแล้วต้องทำงานอย่างเต็มที่ในตำแหน่งนั้นๆ ตำรวจไม่ว่าสังกัดใดๆก็ตามมีความสำคัญต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และตำรวจ บช.ก. ยังมีหลักสำคัญ คือชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่ผ่านมาอาตมาเคยทำบุญกับ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ มาตั้งแต่สมัยยศ ร.ต.อ. เป็นรองสารวัตรสังกัดตำรวจท่องเที่ยวมาเนิ่นนาน ท่านเป็นคนใจบุญ จึงนิมนต์มาเผยแผ่บุญต่อตำรวจทุกนายในครั้งนี้ด้วย การมาในวันนี้มีประโยชน์หลายอย่าง ไ้ด้มาบอกว่าบุคคลผู้เว้นจากการฟังคิดถามเขียนจะเป็นบัณฑิตไม่ได้เลย ตำรวจในยุคปัจจุบันต้องมีความรู้คู่คุณภาพประกอบด้วยคุณธรรมจึงเป็นมาตรฐานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆที่อยากจะบอกไว้
“การทำงานของตำรวจไม่เคยได้หยุดพัก ถ้าคนไม่เสียสละทำไม่ได้ จึงอยากฝากไว้ว่าให้ยกระดับตัวเองพัฒนาตัวเองด้วยความรู้สองอย่าง หนึ่ง ความรู้ที่ต้องรู้ คือ กฎหมายที่ตัวเองจะต้องใช้อยู่เสมอต้องหมั่นทบทวน เช่น ประมวลกฎหมายอาญาฯ สอง ความรู้ที่ควรรู้ คือ ความรู้เสริมทำให้ภาระประสบความสำเร็จ จึงจะเกิดประโยชน์ และเป็นตำรวจอย่าแอ็คท่ากับประชาชนเถอะอาตมาขอร้อง และขอให้ทำงานอย่างมีสติด้วย” พระเทพปริยัติมุนี กล่าวและว่า ที่สำคัญตำรวจต้อง มีพฤติกรรมที่ต้องจำไว้ คือ โอบอ้อมอารี วจีไพเราะ สงเคราะห์ประชาชน วางตนพอดี นอกจากนี้ยังต้องยิ้มไว้ตลอดเวลาอีกด้วย”