วันที่ 24 ต.ค.63 ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำสั่งของศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับการยื่นขอประกันตัวของ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง 3 ผู้ต้องหา แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และกลุ่มคณะราษฎร 2563 คดีร่วมการชุมนุม “19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร” ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และการปักหมุดคณะราษฎร2563 ที่สนามหลวง เมื่อระหว่างวันที่ 19 -20 ก.ย. 2563 หลังศาลอาญาไม่อนุญาตให้ประกันตัวบุคคลทั้งสาม และทนายความยื่นอุทธรณ์คำสั่งขอให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาการประกันตัว
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์พิจารณาสำนวนของนายภาณุพงศ์ 2 สำนวน คือ การชุมนุม ตามข้อหายุยงปลุกปั่นฯ กับข้อหาอื่น ๆ และสำนวนปักหมุดคณะราษฎร 2563 บนพื้นสนามหลวง ตาม พ.ร.บ.โบราณสถานฯ กับอีกสำนวนของนายพริษฐ์ และ น.ส.ปนัสยา เป็นสำนวนเดียวกัน ทั้งหมด 3 สำนวน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อ่านแถลงการณ์5ข้อ "ม็อบคณะราษฎร" จี้ปล่อยมวลชน-บิ๊กตู่ต้องลาออก
ศาลอุทธรณ์กลาง อนุญาตปล่อยตัว "ไผ่-ดาวดิน" ชี้ ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี
ตร.สรุปม็อบถูกจับ 78 คน ได้ประกันตัว 70 แกนนำนอนเรือนจำ 8
โดยศาลอุทธรณ์พิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหาและพฤติการณ์แห่งคดีแล้ว เห็นว่า การกระทำตามข้อกล่าวหามีลักษณะเป็นการร่วมกันกระทำความผิดของกลุ่มบุคคลจำนวนมาก อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือความวุ่นวายขึ้นและส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง มีการชักนำให้ประชาชนล่วงละเมิดต่อกฎหมายแผ่นดิน โดยการบุกรุกทำลายทรัพย์สินของทางราชการไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองประกอบ เมื่อพิจารณาถึงพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราวแล้ว ยังปรากฏว่าผู้ต้องหายังถูกกล่าวหาว่า ได้กระทำความผิดในลักษณะเดียวกันนี้อีกหลายคดีในหลายท้องที่ กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวแล้ว ผู้ต้องหาทั้งสามอาจจะก่อให้เกิดเหตุอันตรายหรือความเสียหายประการอื่น และน่าเชื่อว่าผู้ต้องหาอาจจะหลบหนีได้ สมควรรอฟังผลการสอบสวนก่อน คำสั่งของศาลอาญาที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาทั้งสามนั้นชอบแล้ว ยกคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งไมค์ และเพนกวิน ถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ส่วนรุ้งถูกควบคุมตัวแยกอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักค้างคืนชุมนุมตั้งแต่วันที่ 23 ต.ค.ที่บริเวณหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เรียกร้องให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้
หากมีความคืบหน้าอย่างไร "ฐานเศรษฐกิจ" จะนำรายละเอียดมานำเสนอต่อไป