วันที่ 14 มกราคม 2564 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ คำพิพากษา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ระหว่าง อัยการสูงสุด (โจทก์) และ นายทักษิณ ชินวัตร (จำเลย) เรื่อง ความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม หรือ คดีหุ้นชินคอร์ป ซึ่งเป็นคำพิพากษาฉบับเต็มที่มี่ทั้งหมด 22 หน้า
ซึ่งขณะเกิดเหตุนายทักษิณดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีกระทําการฝ่าฝืนกฎหมาย โดยยังคงถือไว้ซึ่งหุ้นบริษัท ชินคอร์ป จำนวน 1,419,490,150 หุ้น หรือประมาณ 48.75% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2563 ว่า
จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 100 วรรคหนึ่ง (2) และมาตรา 122 วรรคหนึ่ง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 (เดิม) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
โดยองค์คณะพิพากษา มีมติว่า จําเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 มาตรา 100 วรรคหนึ่ง (2) และมาตรา122 วรรคหนึ่งประมวลกฎหมายอาญามาตรา152 (เดิม) การกระทําของจําเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตร า91
ดังนั้นองค์คณะผู้พิพากษามีมติเสียงข้างมากให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานหรือเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐจําคุก 2 ปี ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการเข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สําหรับตนเอง หรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้นจําคุก 3 ปี รวมเป็นจําคุก 5 ปี
ให้นับโทษจําคุกจําเลยต่อจากโทษจําคุกของจําเลยในคดีหมายเลขแดงที่อม. 4/2551 และต่อจากโทษจําคุกของจําเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่อม. 10/2552 ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองข้อหาและคําขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
อ่านฉบับเต็ม : เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ทักษิณ” ชี้แก้ติดเชื้อโควิด-19ป้องกันดีกว่าควบคุมคู่การเปิดเศรษฐกิจ