วันที่ 20 พ.ค. 2564 น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส. กทม. เขตบางกะปิ-วังทองหลาง พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ตลาดสดบางกะปิ เพื่อเยี่ยมเยือนและอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เข้ารับการตรวจเชิงรุกหาเชื้อโควิด19 ด้วยรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน
โดย น.ส.วทันยา กล่าวว่า ขณะนี้หน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะ กทม. ที่วันนี้เป็นพื้นที่สีแดงเข้มและเป็นจุดศูนย์กลางของการระบาด สิ่งหนึ่งที่กลุ่มตนออกมาเรียกร้องตลอด คือการแยกกลุ่มประชาชน เพราะการดำเนินการตรวจเชิงรุก การกักตัวของผู้ติดเชื้อนั้นประชาชนในแต่ละกลุ่มมีข้อจำกัด ทั้งเรื่องของที่อยู่อาศัยและทุนทรัพย์ และก่อนที่จะมีการเกิดคลัสเตอร์ของชุมชนแออัดพวกเราก็เคยออกมาเรียกร้องตั้งแต่ต้นว่าการกักตัวของประชาชนในพื้นที่ชุมชนแออัดนั้นเขาไม่สามารถทำได้ เนื่องจากแต่ละบ้านอาศัยอยู่จำนวนมาก แน่นอนหากมีการกักตัวที่บ้านก็จะต้องเกิดการแพร่เชื้อไปสู่คนภายในบ้านและชุมชน จึงจะเห็นว่าพื้นที่ที่มีความแออัด มีแรงงานต่างด้าวอาศัยอยู่จำนวนมากจะเป็นพื้นที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ ดังนั้นหน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะสำนักงานเขตต่างๆที่มีข้อมูลอยู่แล้วว่ามีชุมชนใดบ้างที่มีข้อจำกัด ซึ่งสิ่งสำคัญคือต้องเร่งค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกเพื่อป้องกันปัญหาบานปลายจนเกิดเป็นคลัสเตอร์ของการแพร่ระบาด
ด้าน น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการตรวจเชิงรุกเพื่อค้นหาผู้ติดเชื้อและนำไปรักษาตัว ส่วนผู้ที่มีความเสี่ยงสูงก็จะได้เข้าสู่กระบวนการกักตัว จากนั้นจะได้เข้าสู่มาตรการในการเยียวยา ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเรื่องอาหารให้กับผู้ที่กักตัว เพราะคนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ตรงนี้ส่วนใหญ่เป็นพ่อค้าแม่ค้า แรงงาน รวมถึงแรงงานต่างด้าวที่เป็นคนหาเช้ากินค่ำ ดังนั้นเมื่อเข้าสํ่กระบวนการกักตัวก็จำเป็นที่ต้องดูแลในเรื่องของปัจจัยสี่เพื่อไม่ให้เขาออกมาภายนอก ซึ่งวันนี้หากเรายอมที่จะเจ็บ ทุกอย่างก็จะจบ
วันนี้ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือช่วยกัน และแน่นอนตนที่เป็นผู้แทนของประชาชนก็ต้องดูแลและเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยภาครัฐในการดูแลประชาชน อาจจะเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมความช่วยเหลือทั่งหมดเพื่อเข้าไปดูแลประชาชน ซึ่งวันนี้จะต้องรอดูเรื่องของจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่ต้องกักตัว เพื่อจะได้ทราบข้อมูลว่ามีกี่คน พักกักตัวที่ไหนบ้าง เพื่ออาจจะมีการมาออกโรงครัวเพื่อดูแลในเรื่องของอาหารทั้ง 3 มื้อให้กับพวกเขา
“ต้องยอมรับว่าตลาดบางกะปิคือหัวใจของคนบางกะปิ เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่ดูแลพี่น้องประชาชนทั้งกรุงเทพฯตะวันออก หลายๆตลาดไม่ว่าจะเป็นเขตสะพานสูง บึงกุ่ม วังทองหลาง จะมาจับจ่ายซื้อสินค้าที่นี่แล้วกลับไปขายต่อ แน่นอนว่าหากต้องมีการปิด 14 วัน จะได้รับผลกระทบแน่นอน แต่หากเรายอมเจ็บแต่จบ แล้วสามารถควบคุมได้ เราก็จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคมและชุมชนได้ แต่หากเปิดๆปิดๆไม่ยอมรับความจริง แน่นอนว่ามันจะเป็นเหมือนคลัสเตอร์อื่นๆที่เกิดขึ้นตอนนี้” น.ส.ฐิติภัสร์ กล่าว